|
|
|
|
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
|
|
|
|
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
|
|
|
|
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน |
กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน หรือกำแพงหมื่นลี้เริ่มก่อสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล แนวกำแพงทอดตัวลัดเลี้ยวผ่านภาคเหนือของประเทศรวมระยะทางกว่า 10,000 กิโลเมตร กำแพงหมื่นลี้ (ว่านหลี่ฉางเฉิง) ที่คนนิยมไปเที่ยวกันมากในปัจจุบันคือกำแพงช่วงที่อยู่ใกล้กับปักกิ่ง ผ่านการก่อสร้างต่อเติมและเสริมป้อมปราการเข้าไปในยุคราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644) ทั้งยังถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการนำอิฐมาใช้สร้างกำแพงแทนที่จะใช้ดินอัดเอาตามกรรมวิธีแบบดั้งเดิม ราชวงศ์หมิงสร้างกำแพงช่วงใหม่ขึ้นทางตอนบนของกรุงปักกิ่งรวมความยาว 630 กิโลเมตร โดยหวังจะให้เป็นปราการและเส้นทางส่งต่อสัญญาณแจ้งเตือนให้ทางเมืองหลวงได้รู้ตัวและเตรียมต้านรับการบุกโจมตีของพวกชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือได้ทันท่วงที แต่สุดท้ายทัพแมนจูก็ตีฝ่าแนวกำแพงบุกเข้ายึดปักกิ่ง และตั้งราชวงศ์ชิงขึ้นปกครองจีนแทนราชวงศ์หมิงจนได้
ในการต่อเติมและซ่อมแซมกำแพงตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานั้น มีแรงงานถูกเกณฑ์มาหลายหมื่นหลายแสนคน และส่วนใหญ่ก็ต้องทิ้งชีวิตและซากร่างเอาไว้ใต้แนวกำแพงนั่นเอง กล่าวกันว่ากำแพงในช่วงศตวรรษที่ 7 ต้องใช้แรงงานนับล้านคน แต่หลังจากนั้นก็ถูกทิ้งให้ทรุดโทรมกว่าจะได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งก็ต้องรอจนราชวงศ์หมิงขึ้นเถลิงอำนาจ แม้กระทั่งในปัจจุบันแนวกำแพงก็ตกอยู่ในสภาพปรักหักพังเสียเป็นส่วนใหญ่ บางช่วงเห็นแต่แนวคันดินพอเป็นร่องรอยเท่านั้น ที่ว่ากันว่ากำแพงหมื่นลี้เป็นสิ่งปลูกสร้างเพียงหนึ่งเดียวบนพื้นพิภพที่สามารถมองเห็นได้จากในอวกาศนั้น เป็นที่น่ากังขาว่าในปัจจุบันจะยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่
กำแพงหมื่นลี้ช่วงที่น่าไปเที่ยวชมที่สุด ตั้งอยู่ทางตอนบนของกรุงปักกิ่ง และมีอยู่สี่ช่วงคือ ปาต๋าหลิ่ง มู่เถียนอวี้ จวีหย่งกวน และซือหม่าไถ สามช่วงแรกมีสภาพสมบูรณ์เพราะได้รับการบูรณะมาเป็นอย่างดี ไม่เหมือนช่วงสุดท้ายที่ถูกทิ้งให้ทรุดโทรมมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์หมิงตอนต้นแล้ว ฐานกำแพง ฐานหอสังเกตการณ์ และงานก่ออิฐส่วนใหญ่เป็นของเดิมมีอายุราว 300-500 ปี แต่มีร่องรอยการซ่อมแซมด้วยวัสดุที่เป็นของใหม่ปรากฏให้เห็นเป็นช่วงๆ
ทันทีที่ขึ้นมาอยู่บนกำแพง ห่างไกลจากร้านรวง พ่อค้าเร่ รถทัวร์ ลานจอดรถ และกระเช้าไฟฟ้าทางด้านล่าง ทิวทัศน์กับบรรยากาศรอบตัวก็ดูจะเป็นใจมากขึ้น สิ่งที่จะต้องพบแน่ๆคือนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นแต่ก้พอจะเดินเลี่ยงหรือผละจากกลุ่มคนเหล่านี้ไปได้ไม่ยาก ทิวทัศน์ขุนเขาอันสูงชันดูตระการตา อากาศก็บริสุทธิ์ แต่บันไดทางขึ้นก็ลาดชันมากแต่ละก้าวย่างต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ตัวกำแพงเลี้ยวลดคดเคี้ยว บางช่วงไต่ขึ้นสูงบางช่วงลาดลงต่ำ แล้วแต่แนวสันเขากับยอดเจาจะพาไปนับเป็นเส้นทางที่กินแรง แต่วิวข้างบนก็สวยมาก
กำแพงหมื่นลี้ช่วงปาต๋าหลิ่งเป็นกำแพงช่วงที่มีคนมาเที่ยวชมมากที่สุด อยู่ห่างจากปักกิ่งมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ 67 กิโลเมตรได้รับการบูรณะขึ้นเมื่อปี 1957 ทิวทัศน์ขุนเขาในแถบนี้สวยงาม แนวกำแพงก็เหยียดตัวไปตามแนวสันเขาสูงๆต่ำๆแลดูคล้ายระลอกคลื่นมีความสูงราว 7 เมตร กว้าง 5 เมตร สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง วัสดุที่ใช้มีทั้งดินอัดแข็ง ศิลา และอิฐ มีการสร้างหอไฟสัญญาณเอาไว้เป็นระยะๆตลอดรายทาง กำแพงช่วงที่บูรณะขึ้นใหม่มีความยาวราว 2 กิโลเมตร สามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายๆแต่พ้นจากนี้ไปก็มีแต่ซากปรักหักพังขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ปลายกำแพงทางด้านเหนือมีกระเช้าไฟฟ้าพาลงไปยังลานจอดรถที่เชิงกำแพงทางด้านล่าง ภายในบริเวณลานจอดรถมรพร้อมทั้งพ่อค้าเร่ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งร้าน KFC
ถึงแม้ปาต๋าหลิ่งจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน (โดยเฉพาะช่วงมิถุนายน-กันยายน) แต่ภูมิทัศน์โดยรวมก็งดงามมาก กำแพงอีกช่วงที่สวยงามและมีคนมาเยือนมากไม่แพ้กัน คือ กำแพงช่วงมู่เถียนอวี้ ที่อยู่ห่างจากปักกิ่งมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 88 กิโลเมตร เริ่มเปิดให้คนขึ้นมาชมเมื่อปี 1986 เพื่อช่วยถ่ายเทคนจากปาต๋าหลิ่งบ้าง ซึ่งสามารถเลือกว่าจะเดินขึ้นกำแพง (ใช้เวลา 20 นาที) หรือจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าแทนก็ได้ เชิงกำแพงช่วงนี้ก็มีพ่อค้าเร่ ร้านค้า และร้านอาหารให้เห็นหนาตาเช่นกัน มู่เถียนอวี้เป็นกำแพงที่เก่าแก่ที่สุดช่วงหนึ่ง เชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมืงเมื่อราว 500 ปีก่อน
ผู้มาเยือนสามารถเดินท่องเที่ยวไปบนกำแพงช่วงนี้ได้เป็นระยะทางกว่าหนึ่งกิโลเมตร จากหอสังเกตการณ์หลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่งที่ปลายทางทั้งสองข้าง มองออกไปจะเห็นซากปรักหักพังของกำแพงทอดไปไกลสุดลูกหูลูกตา ภูมิประเทศรอบข้างก็เป็นป่าไม้เขียวชอุ่มช่วยหนุนส่งให้มู่เถียนอวี้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้ปาต๋าหลิ่งเลย
กำแพงหมื่นลี้ช่วงด่านจวีหย่งกวน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่ง ห่างมา 58 กิโลเมตรบนเส้นทางไปปาต๋าหลิ่ง จัดเป็นกำแพงช่วงที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด และเพิ่งเปิดให้คนมาเที่ยวชมได้ในปี 1998 ป้อมค่ายทหารรักษาการณ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือด่านจวีหย่งกวนนั้นสร้างขึ้นเมื่อปี 1345 และมีการจำหลักเรื่องราวทางพุทธศาสนากับจารึกภาษาจีน ทิเบต สันสกฤต และภาษาของชนเผ่าทางตอนเหนือประดับเอาไว้ วัดและสวนที่กระจายกันอยู่ในละแวกนี้เป็นของที่สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง หลายแห่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ กำแพงช่วงนี้ทอดตัวไปตามแนวเทือกเขาไท่หังซานรวมระยะทางทั้งสิ้น 4 กิโลเมตร
ซือหม่าไถ เป็นกำแพงช่วงที่ทรุดโทรมและมีคนมาเที่ยวน้อยที่สุด อยู่ห่างจากปักกิ่งมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 124 กิโลเมตร จัดว่าอยู่ไกลจากเมืองหลวงที่สุดในหมู่กำแพงทั้งสี่ช่วง บันไดกับหอสังเกตการณ์ของที่นี่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม แต่ภูมิทัศน์ธรรมชาติรอบข้างกลับสวยงามอย่างยิ่ง อีกทั้งสภาพปรักหักพังที่เห็นก็ดูจะเพิ่มมนต์ขลังให้บรรยากาศรอบข้างขึ้นอีกมากโข (ถึงจะมีกระเช้าไฟฟ้าพาขึ้นไปบนกำแพงก็เถอะ) บันไดทางขึ้นนั้นค่อนข้างอันตรายเพราะชันถึง 70 องศา ตัวกำแพงก็พังลงมามากจนคุณต้องเลี่ยงออกมาเดินตามทางเดินด้านข้างที่ทั้งแคบทั้งชัน และต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินสูง
จากหมู่บ้านที่เชิงกำแพงจะมีทางลูกรังระยะครึ่งไมล์ทอดมาสู่บันไดทางขึ้นกำแพงช่วงแรก บันไดนี้ติดกับอ่างน้ำเล็กๆที่ทำหน้าที่กั้นกำแพงช่วงซือหม่าไถออกจากกำแพงช่วงจินซานหลิง กำแพงช่วงซือหม่าไถมีหอไฟสัญญาณอยู่ทั้งสิ้น 14 หลัง แต่ละหลังอยู่ห่างกัน 400 เมตร ในสมัยโบราณเมื่อเห็นทัพของศัตรูจู่โจมมายามในหอก็จะส่งสัญญาณไฟและสัญญาณควันต่อกันมาเป็นทอดๆเพื่อให้ทางกองทัพเตรียมรับมือได้ทันท่วงที หอไฟสัญญาณที่สูงที่สุด (หวางจิ่งโหลว) ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 986 เมตร มองจากที่นี่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก ชาวบ้านแถบนี้บอกว่า ถ้าทัศนวิสัยปลอดโปร่งจะมองเห็นแสงไฟในปักกิ่งได้อย่างถนัดตา
|
นั่งกระเช้าไป กำแพงเมืองจีน : ปักกิ่ง |
รูปโดย ทริปดีดี ดอทคอม |
|