|
ทะเลสาบภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
ทะเลสาบนกยูง ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
ข้อมูลทั่วไปจิ่วจ้ายโกว
จิ่วจ้ายโกว แต่เดิมคือชุมชนเล็กๆของหมู่บ้านชาวทิเบต 9 แห่งที่ใช้ชีวิตกันอย่างเงียบสงบและแทบจะไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกเลย จนกระทั่งราวปี 1972 พื้นที่บริเวณนี้ถูกสำรวจเพื่อทำอุตสาหกรรมป่าไม้ แต่โชคยังดีที่เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ของจีนได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ป่าบริเวณนี้อย่างจริงจัง และพบว่าภูมิทัศน์อันงดงามบริเวณชุมชนแห่งนี้ ไม่ควรถูกเปลี่ยนสภาพไปสู่อุตสาหกรรมป่าไม้จึงได้ทำการอนุรักษ์ไว้ได้ทันก่อนที่ดินแดนที่งามดุจโลกในนิทานนี้จะกลายเป็นตำนานไปจริงๆ
หลังการสำรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ในราวปี 1975 ความสวยงามทางภูมิทัศน์ ความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศของ จิ่วจ้ายโกว ก่อให้เกิดการจัดการอนุรักษ์พิ้นที่อย่างจริงจัง โดยการประกาศห้ามการทำไม้ในบริเวณ หุบเขาจือจาวา กับ หุบเขาร่อเจ๋อ ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะขยายพื้นที่อนุรักษ์ไปจนครอบคลุมพื้นที่ หุบเขาซู่เจิ้ง และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆในเวลาต่อมา
ปลายปี 1978 เพียง 3 ปีหลังจากจิ่วจ้ายโกวถึงค้นพบ ก็ได้รับการยกฐานะเป็น อทุยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับสุดยอดของแผ่นดินจีนระดับ AAAAA (an AAAAA Class scenic spot in China) ในปี 1984 ตามด้วยการได้รับการคัดเลือกให้ขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ (Unesco) ในปี 1992 จากนั้นขึ้นทะเบียนเป็น เขตสงวนชีวมณฑล (World Biosphere Reserve) ในปี 1997 และได้รับการขึ้นทะเบียน ลูกโลกสีเขียว 21 (Green Globe 21) ในปี 2000 ด้วย
อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว ตั้งอยู่ห่างจาก นครเฉินตู เมืองหลวงของมณฑลซื่อชวน ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 435 กิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 720 ตารางกิโลเมตร บนระดับความสูงเฉลี่ยราว 3,500-4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางของ เทือกเขาหมินซาน โดยมี ยอดเขากานจือกงไก เป็นจุดสูงสุดของอุทยานฯ ที่ 4,764 เมตร และหุบเขาหยางตงเป็นจุดต่ำสุดที่ 2,000 เมตร
ในอาณาบริเวณของ จิ่วจ้ายโกว นั้น พื้นที่ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญทางการท่องเที่ยวครอบคลุมอาณาบริเวณของหุบเขาขนาดใหญ่ 3 แห่ง อันได้แก่ หุบเขาซู่เจิ้ง, จือจาวา และรื่อเจ๋อ มีลำธารหลัก 2 สาย ทิศตะวันตกไหลมาจาก ทะเลสาบกระจก แล้วรวมกันไหลออกไปสู่ แม่น้ำขาว ทำให้ภูมิประเทศเหมือนรูปตัววาย ความยาวรวมกว่า 55 กิโลเมตร
ตลอดแนวของหุบเขาทั้งสามคือมารดาผู้ให้กำเนิดธารน้ำสายหลัก 11 สาย ที่ไหลลงมารวมกันเป็นทะเลลสาบ, บึง, หนอง, แอ่งน้ำน้อยใหญ่ 114 แห่งกลุ่มน้ำตกและแก่งน้ำอย่างน้อย 17 แห่ง รวมทั้งน้ำผุดตาน้ำ น้ำซับอีกอย่างน้อย 47 แห่ง ตามตำนานของชาวทิเบตในพื้นที่เล่าว่า ทะเลสาบและแอ่งน้ำน้อยใหญ่ที่สวยงามนั้นคือ กระจกที่ฝนด้วยฝีมือของ เทพบุตรต๋าเกอ (Dage) โดยแรงสนับสนุนจากเทพลม, เทพเมฆ มอบให้เป็นของหมั้นแต่ เทพธิดาเซ่อโม่ (Semo) ผู้เป็นที่รัก แต่นางพลาดทำกระจกหลุดมือตกลงมาแตกบนโลกเป็นจำนวน 114 ชิ้นและกลายเป็น ทะเลสาบที่มีน้ำสีสวยใสอย่างในปัจจุบัน
อุทยานจิ่วจ้ายโกว ได้ถูกค้นพบโดยทิเบตที่อพยพเข้ามาอยู่แต่ในอดีต ต่อมากิตติศัพท์คำร่ำลือถึงความสวยงาม ได้แพร่หลายเหล่าโชเฟอร์รถบรรทุกที่ได้เข้ามาขนไม้ซุงในป่าเขากระทั่งในปี ค.ศ.1984 ผู้ว่ามณฑลซื่อชวนในขณะนั้น คือ จ้าว จื่อ หยาง (ค.ศ. 1919-2005 ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ในระหว่างปี ค.ศ.1980 ถึง 1987) ได้มาเยี่ยมชมและวางแผนที่จะเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติ โดย จ้าว จื่อ หยาง ได้พรรณนาถึงความงามของจิ่วจ้ายโกวไว้ว่า หากทิวทัศน์ของกุ้ยหลิน คือที่สุดของพิภพแล้ว ธรรมชาติของจิ่วจ้ายโกวนั้น ยังเหนือกว่ากุ้ยหลินเสียอีก
ที่ตั้ง
เมืองหนานผิง (Nanping-ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองจิ่วจ้ายโกว) เขตอาป้า (Aba Tibetan-Qiang Autonomus Prefecture) ทางเหนือของเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลซื่อชวน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
สภาพของภูมิประเทศ
จิ่วจ้ายโกวตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซาน ห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ 330 กิโลเมตร ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศมณฑล Nanping ในเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตและเชียงอาป้า ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน ใกล้เขตแดนของมณฑลกานซู
บริเวณหุบเขามีพื้นที่อย่างน้อย 240 ตารางกิโลเมตร ขณะที่องค์กรด้านการอนุรักษ์บางแห่งกำหนดให้มีพื้นที่ 600-700 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่กันชนเพิ่มเข้ามา 400 - 600 ตารางกิโลเมตร ระดับความสูงจะแตกต่างไปตามแต่ละพื้นที่ โดยมีทั้งพื้นที่มีมีความสูง 1,998 - 2,140 เมตร (ที่ปากทางเข้าหุบเขาซูเจิ้ง) ไปจนถึง 4,558 - 4,764 เมตร (บนภูเขา Ganzigonggai ที่ส่วนยอดสุดของหุบเขา Zechawa)
สภาพอากาศในหุบเขาจัดว่าหนาวเย็น ตลอดปีมีอุณหภูมิเฉลี่ย 7.2 ?C เดือนมกราคม -1 ?C และเดือนกรกฎาคม 17 ?C ปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งปี 661 มิลลิเมตร โดยเป็นปริมาณระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมราว 80%
ฤดูกาล: จิ่วจ้ายโกวสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
- เมษายน ปลายฤดูหนาว อากาศหนาว น้ำในทะเลสาบน้อย หิมะเริ่มละลาย
- พฤษภาคม ต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศเย็น น้ำในทะเลสาบมีน้อยหิมะเริ่มละลายบนเส้นทางดอกไม้เริ่มบาน
- มิถุนายนถึงต้นสิงหาคม ฤดูร้อน (อากาศอุ่นกว่าฤดูหนาว แต่ยังเย็นสำหรับคนไทย) น้ำในทะเลสาบมาก ฝนตก
- ปลายสิงหาคมถึงกันยายน ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี น้ำมาก มีฝนตกบ้าง
- ตุลาคมถึงพฤศจิกายน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี น้ำมาก ฝนตกน้อย เริ่มมีหิมะมาก อากาศหนาว
- ธันวาคมถึงมีนาคม ฤดูหนาว มีหิมะมากน้ำในทะเลสาบน้อยและจับตัวเป็นน้ำแข็ง
|
ทะเลสาบนกยูง ภายในอุทยาน จิ่วจ้ายโกว |
|
ทะเลสาบกระจก ใน อุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
ทะเลสาบยาว ใน อุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
ทะเลสาบนกยูง ใน อุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
น้ำตกธารไข่มุก ใน อุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
น้ำตกหนอรีรัง ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
น้ำตกหนอรีรัง ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
น้ำตกธารไข่มุก ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ ทะเลสาบห้าสีภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ ทะเลสาบยาว ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ ทะเลสาบหมีแพนด้า ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ ทะเลสาบนกยูง ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ ทะเลสาบกระจก ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ น้ำตกธารไข่มุก ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
|
คลิปวีดีโอ น้ำตกหนอรีรัง ภายในอุทยานจิ่วจ้ายโกว |
รูปโดย www.TripDeeDee.com
|