ประวัติศาสตร์
ปรากฏหลักฐานว่ามีมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยในเกาหลีประมาณ 500,000 ปีมาแล้ว อาณาจักรแรกมีชื่อว่า โคโชซอน (Kochoson) หรือโชซอนโบราณ ตั้งขึ้นเมื่อ 2333 ปีก่อนคริสตกาล
ในยุคแรกๆเกาหลีปกครองด้วย 3 อาณาจักรคือ โคกุเรียว (Koguryo) เป็กเช (Paekche) และซิลลา (Shilla) ซึ่งปกครองทั้งคาบสมุทรเกาหลีและพื้นที่ส่วนใหญ่ในแมนจูเรีย เป็นอาณาจักรที่มีอำนาจและชื่อเสียงมากที่สุดในแถบนี้ ช่วงเวลาที่มีอำนาจของสามอาณาจักรนี้คือ 57 ก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ.668 ทั้งสามผลัดกันเรืองอำนาจ เริ่มด้วยโคกุเรียว เป็กเช และซิลลา ปีค.ศ.676 อาณาจักรก็รวมคาบสมุทรทั้งหมดเข้าด้วยกันได้เป็นครั้งแรก ช่วงเวลาการรวมชาติในยุคซิล-ลาคือ ปีค.ศ.676-935 ซึ่งเป็นยุคทองของวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะความก้าวหน้าด้านพุทธศิลป์ เมื่อรวมอาณาจักรต่างๆได้แล้วห็สถาปนาอาณาจักรใหม่ชื่อว่าอาณาจักรโคเรียว (Koryo, ค.ศ.918-1392) เป็นยุคศักดินาของรัฐบาลที่ปกครองโดยขุนนาง มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและมีอิทธิพลอย่างมากในการเมืองและการบริหารซึ่งชื่อ เกาหลี (Korea) ก็เพี้ยนมาจาก โคเรียว (Koryo) นั่นเอง
ราชวงศ์โชซอน (Choson, ค.ศ.1392-1910) เป็นราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี เป็นช่วงที่การปฏิรูปด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โดนมีสัญลักษณ์เด่นที่รับมากจากลัทธ์ขงจื้อ ซึ่งราชวงศ์นี้ได้สร้างวรรณคดีและประดิษฐ์ตัวอักษรเกาหลีที่เรียกว่าฮันกึล (Hungull) ขึ้นและในปี ค.ศ.1443 ก็มีศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญเกิดขึ้นมากมาย
การรุกรานของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1910 ถือเป็นการสิ้นสุดของราชวงศ์โชซอน เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นอยู่ 35 ปี จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ญี่ปุ่นยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรและถอนกำลังอกจากคาบสมุทรเกาหลี ตั้งแต่นั้นเกาหลีก็ถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ คือ สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้เป็นประเทศประชาธิปไตย กับสาธารณรัฐประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือที่เป็นประเทศคอมมิวนิสต์
สงครามเกาหลีเริ่มขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1960 โดยทางเกาหลีเหนือบุกรุกเกาหลีใต้ ข้อตกลงสงบศึกเกิดขึ้นใน 3 ปีต่อมา โดยมีการกำหนดเส้นขนานที่ 38 และเขตปลอดทหาร หลังจากนั้นเกาหลีได้พยายามฟื้นฟูตัวเองจากภาวะหลังสงคราม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
เกาหลีใต้ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1948 โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดอีก 9 ครั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี ค.ศ.1987 สมัยของประธานาธิบดีซุนดูฮวาน ที่ต้องประสบกับภาวะกดดันทางการเมืองจากภาคต่างๆ ซึ่งแรกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง และในที่สุด ประธานาธิบดีซุนดูฮวานก็ยินยอมให้มีการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง โดยอยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว (5 ปี) และให้มีการจัดระบบการปกครองท้องถิ่นอิสระเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อธันวาคม ค.ศ.1997 ได้เกิดพรรคใหม่ขึ้นคือพรรค Grand National Party-GNP (ซึ่งเป็นการรวมตัวของพรรค Peoples New Party กับพรรค New Kora Party), พรรค Millennium Democratic Party-MDP ซึ่งมีนายคิมแดจุง เป็นหัวหน้าพรรค และพรรค United Liberal Dmocrats-ULD ซึ่งมีนายคิมจองอิล เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกประธานาธิบดีครั้งนั้น พรรค MDP กับพรรค ULD ได้ร่วมกันส่งนายคิมแดจุงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและได้รับชัยชนะ โดยนายคิมจองอิลได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาพรรค ULD ได้ถอนคัวจากการร่วมรัฐบาล ปัจจุบันมีพรรคฝ่ายค้าน(GNP) และพรรครัฐบาล (MDP) และพรรคฝ่ายค้านเสียงส่วนน้อย (ULD) ทั้งนี้ปัจจุบันพรรคฝ่ายค้าน GNPสามารถคุมเสียงข้างมากในสภาได้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ภูมิประเทศ
คาบสมุทรเกาหลีมีอาณาเขตขยายออกไปทางตอนใต้จากสุดทิศตะวันออกของทวีปเอเชียโดยมีความยาวประมาณ 1,000 กิโลเมตร และกว้าง 216 กิโลเมตร ณ จุดแคบสุดของคาบสมุทร
เกาหลีมีภูเขาปกคลุมพื้นที่ถึง 70% โดยการยกและยุบตัวของพื้นหินแกรนิตและพื้นหินปูน ทำให้เกาหลีมีภูมิประเทศที่มีทัศนียภาพเป็นทิวเขาซึ่งดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจ โดยแนวเทือกเขาที่ตัดผ่านคาบสมุทรยาวตลอดชายฝั่งตะวันออกนั้นทอดยาวออกไปในทะเลตะวันออกตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้และทางตะวันตก ซึ่งแนวเทือกเขาได้เคลื่อนตัวทีละเล็กทีละน้อยจนกลายเป็นที่ราบชายฝั่ง โดยที่ราบชายฝั่งนี้ได้ใช้เป็นที่ผลิตพืชผลทางการเกษตรเป็นจำนวนมากดดยเฉพาะข้าว
เกาหลีใต้มีพื้นที่ทั้งประเทศประมาณ 99,208 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่รวมทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ 223,170 ตารางกิโลเมตร) และมีจำนวนประชากร 48.4 ล้านคน (ค.ศ.2009)
ภูมิอากาศ
เกาหลีมีฤดู 4 ฤดู คือ
ฤดูใบไม้ผลิ อยู่ระหว่างปลายเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ต้นไม้จะแตกใบสวยงามเป็นสัญญาณของฤดูใบไม้ผลิ มีแสงแดดอบอุ่นอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 5-15 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อากาศร้อนและจะมีฝนตก ทำให้พืชผลทั้งหลายชุ่มฉ่ำเจริญงอกงาม ช่วงเดือนมิถุนายน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส ฝนจะเริ่มตกในปลายเดือนมิถุนายนไปเรื่อยๆจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม และในเดือนสิงหาคมอากาศจะร้อนที่สุด คือประมาณ 25 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มปลายๆเดือนกันยายน-พฤศจิกายนอากาศจะแห้ง แต่ทว่าบรรยากาศที่แจ่มใสทำให้ช่วงนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดของปี ส่วนในเดือนตุลาคมใบไม้ตามที่ต่างๆจะกลายเป็นสีทองและแดง อุณหภูมิในช่วงต้นฤดูคือ 18-20 องศาเซลเซียส ปลายฤดูจะลดต่ำลงมาอีกประมาณ 5 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศจะเริ่มหนาว ตามที่ต่างๆมีหิมะและฝน ช่วงฤดูหนาวอากาศจะหนาวมากกับหนาวน้อยสลับกันไป อุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส ถึงติด -3 องศาเซลเซียส
ช่วงเวลาที่ควรไปเยือน
เกาหลีเป็นประเทศที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในทุกฤดูกาล และช่วงเวลาที่น่าไปเยือนเกาหลีมากที่สุดคือ ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว โดยฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าโปร่งและต้นไม้กำลังผลัดใย ทำให้บรรยากาศรอบตัวมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยสีสันสดใส อากาศในช่วงเวลานี้จะเย็นๆไม่ถึงกับหนาว ร่วมทั้งไม่ค่อยมีฝนตกอีกด้วย
ฤดูหนาว หรือเดือนธันวาคม-มีนาคม ในเกาหลีนั้นค่อนข้างหนาว อุณหภูมิอาจลดลงจนถึงติดลบ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวจึงควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเกาหลีในช่วงนี้นอกจากว่าต้องการไปเล่นสกีหรือแช่น้ำพุร้อน ทางภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ
ฤดูใบไม้ผลิ หรือระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นอีกช่วงที่ควรไปเยือน ในช่วงนี้อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นจนกลายเป็นอากาศแบบอบอุ่น ต้นไม้และดอกไม้เริ่มผลิดอกออกผล
และช่วงเวลาที่ไม่ควรไปเยือนเกาหลี คือ ช่วงฤดูร้อน หรือระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เพราะช่วงนี้ถือเป็นหน้ามรสุมของเกาหลี ฝนอาจตกหนักจนกลายเป็นไต้ฝุ่นได้ อุณหภูมิในช่วงนี้อาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
สถานที่้ท่องเที่ยวในกรุงโซล
- กรุงโซล (Seoul) กรุงโซลเป็นเหมืองหลวงของประเทศเกาหลี มีประชากรอาศัยประมาณ 10.4 ล้านคน (ค.ศ.2007) กรุงโซลเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากลหาย ทั้งเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การเมือง การศึกษา การละเล่นต่างๆ และเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรความร่วมมือต่างๆ ธนาคาร สถานที่ราชการ โรงเรียน และมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ รวมทั้งโรงภาพยนตร์และสถานบันเทิงหลายแห่ง
ในอดีตกรุงโซลตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรเป็กเชมากว่า 1,500 ปี สมัยราชวงศ์โชซอนกรุงโซลได้กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศในปี ค.ศ.1394 จากความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมและด้านอื่นๆของเมืองแห่งนี้ ทำให้กรุงโซลเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังอันเก่าแก่ กำแพงเมือง ประตูเมือง และเจดีย์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่ช่วยเพิ่มสีสันและเสน่ห์ให้แก่กรุงโซล สถาปัตยกรรมแสนสวยงามของเกาหลีถูกเก็บรักษาไว้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงและความกลมกลืนระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 ที่เกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กรุงโซลก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงไว้ซึ่งมรดกล้ำค่าที่ฝังตัวอยู่ภายในขอบเขตของกำแพงเมืองอันเก่าแก่
- เคียงบกกุงหรือพระราชวังเคียงบก (Gyeongbokgung หรือ Gyeongbok Palace) เป็นพระราชวังของกษัตริย์แทโจ (Taejo) และยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสง่าผ่าเผยของราชวงศ์โชซอน ในช่วงเวลาของราชวงศ์นี้ได้ก่อสร้างอาคารในพระราชวังไว้ถึง 200 หลัง แต่เวลาต่อมาก็ถูกเผาจากการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 จนกระทั่งในปีค.ศ. 1865 กษัตริย์โคจง (Kojong) จึงได้บูรณะขึ้นใหม่ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีอาคารเพียง 10 หลังเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การบูรณะปฏิสังขรณ์พระราชวังเคียงบกก็ยังดำเนินการอยู่เพื่อให้พระราชวังแห่งนี้กลับมาสู่ความงดงามอีกครั้ง
- สถานที่สำคัญภายในพระราชวังเคียงบก
1.ควางฮวามุน หรือประตูควางฮวา (Gwanghwamun) เป็นทางเข้าพระราชวังเคียงบกในปัจจุบันมี 2 ทางคือ ที่กำแพงเมืองด้านตะวันออกและตะวันตก
2.ตำหนักคึนจองจอน (Geunjeongjeon) เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ ใช้สำหรับเป็นท้องพระโรงและห้องเข้าเฝ้า
3.ตำหนักเคียงโฮรู (Gyeonghoeru) เป็นตำหนักที่กว้างขวาง ประกอบด้วยพลับพลา 2หลัง สระน้ำจากการสร้างของมนุษย์ พระตำหนักแห่งนี้ใช้สำหรับจัดเลี้ยงข้าราชบริพารและนัการทูตในโอกาสต่างๆ
4.ตำหนักยางวอนจอง หรือฮังวอนจอง (Hyangwonjeong) เป็นพลับพลาที่แยกตัวออกมาต่างหาก ตั้งอยู่ในสระบัวเหนือสุดของพระราชวังเป็นที่ที่กษัตริย์ใช้สำหรับพักผ่อน และจัดเลี้ยงราชนิกุลในอดีต
พระราชวังเคียงบกเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลาเปิดทำการ 09.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 3,000 วอน และเด็กอายุ 7-18 ปี 1,500 วอน
- พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea)
ตั้งอยู่ในภายในพระราชวังเคียงบก ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงการดำเนินชีวิต รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและประเพณีของชาวเกาหลีในสมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยราชวงศ์โชซอน ทั้งยังจัดแสดงพิธีกรรมทางศาสนา บ้านเรือน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ อาหาร ศิลปะชิ้นสำคัญ และหุ่นจำลองต่างๆสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 09.0018.00 น. ค่าเข้าชม 3,000 วอน เดินทางได้โดยรถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานีเคียงบกกุง ทางออก 5
- พิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติเกาหลี (National Palace Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติทางวัฒนธรรมกว่า 40,000 ชิ้น จากสมัยราชวงศ์โชซอน ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะ เสื้อผ้า และเครื่องใช้ในวังต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 5 ส่วนคือ Royal Symbols and Records, Ancestral Rites, Palace Architecture, Joseon Sciences และ Royal Lifeพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 09.00-18.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 2,000 วอน และเด็ก 1,000 วอน
- ชองวาแด หรือบลูเฮาส์ (Cheongwadae หรือ Blue House)ทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลี สามารเขาเยี่ยมชมห้องทำงานประธานาธิบดีมีทัวร์นำชมสถานที่ในวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00 น., 11.00 น., 14.00 น. และ 15.00 น. ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ซัมจองดงกิล หรือถนนซัมจองดง (Samcheondonggill)จองซุนมุน หรือประตูจอนซุน (Geonchunmun) หรือประตูทางด้านตะวันออกของพระราชวังเคียงบก คือประตูที่เปิดออกสู่ถนนซัมจองดงกิลตลอดเส้นทางบนถนนเส้นนี้จะมีสถานที่แสดงงานศิลปะอยู่มากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ฮุนได พิพิธภัณฑ์ศิลปะคึมโฮ ศูนย์ศิลปะอาร์ตซอนเจ พิพิธภัณฑ์เครื่องแต่งกายพื้นบ้านเกาหลี เป็นต้น นอกจากนั้นบนถนนเส้นนี้ยังเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านช่างฝีมือต่างๆและห้องสมุดด้วย
- โรงละครชองดง (Chongdong Theater)
โรงละครแห่งแรกที่แสดงละครแบบเก่า มีการแสดงศิลปะพื้นบ้านให้ชมทุกวันการแสดงหลักคือ ระบำกลอง ระบำดาบ และระบำพัด โดยจะมีคำบรรยายเรื่องราวของการแสดงเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถถ่ายภาพกับนักแสดงซึ่งแต่งกายแบบพื้นเมืองได้
โรงละครชองดงเปิดการแสดงทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 20.00 น. ส่วนในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม แสดงเวลา 16.00 น. ค่าเข้าชมแตกต่างกันออกไปตามการแสดง
- หอศิลป์โรแดง (Rodin Gallery)
สถานที่จัดแสดงงานของออกุสต์ โรแดง ประติมากรชื่อดังของโลก หอศิลป์แห่งนี้นับเป็นหอศิลป์ที่มีผลงานอันดับโลกของโรแดง หอศิลป์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของซัมซุงพลาซ่า เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา10.00-18.00 น.
- โรงละครนันทา (Nanta Theater หรือ Gangbuk)
โรงละครนันทาคือสถานที่จัดการแสดงโชว์การใช้เครื่องครัวเคาะให้เป็นจังหวะเป็นการแสดงที่เน้นความสนุกสนานและเน้นความคิดการนำเครื่องครัวประเภทต่างๆมาเคาะจังหวะ
- ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)
ตลาดนี้ตั้งชื่อตามประตูเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อว่า ซุงเนมุน หรือประตูซุงเน (Sungnyemun) ตลาดนัมแดมุนมีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อตั้งแต่สิ้นค้าพื้นเมือง เสื้อผ้า ดอกไม้ จนถึงอาหารเครื่องบริโภคต่างๆ
- อินซาดง (Insadong)
เป็นถนนสายเล็กๆเรียงรายไปด้วยร้านขายของเก่า แกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ และร้านขายหนังสือมือสอง หรือที่รู้จักกันดีว่า แมรีส์อัลเลย์แห่งเกาหลี (Marys Alley of Korea) อินซาดงเป็นแหล่งขายวัตถุโบราณและงานจำลอง โดยเฉพาะมีหีบแบบต่างๆในสมัยราชวงศ์โชซอน บนถนนสายนี้มีงานศิลปะหลากหลายให้แวะซื้อและเลือกชมมีทั้งภาพเขียน ภาพวาด และอุปกรณ์เครื่องมือโบราณต่างๆ ตามตรอกด้านหลังอินซาดงเต็มไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารพื้นเมือง ในวันเสาร์-อาทิตย์ ถนนอินซาดงจะปิดไม่ให้รถเข้า (วันเสาร์ 14.00-22.00 น. และวันอาทิตย์ 08.00-22.00 น.) ซึ่งจะมีการแสดงและงานเทศกาลต่างๆอย่างเช่นงานเทศกาลอาหารเกาหลีและการแสดงอันหลากหลาย
บนถนนอินซาดงนั้นเต็มไปด้วยห้องแสดงงานศิลปะ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 70 แห่ง ห้องภาพที่สำคัญ เช่น
Kyung-In Museum of Art เป็นหอศิลป์ที่แสดงนิทรรศการทั้งกลางแจ้งและภายในอาคาร งานแสดงจะหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป นอกจากนั้นยังมีร้านน้ำชาและสวนไว้นั่งพักผ่อนด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 10.00-19.00 น.
Tong In Store จัดแสดงและจำหน่ายงานฝีมือทั้งเก่าและใหม่ มีทั้งงานโลหะ เครื่องปั้นดินเผา สิ่งทอ และงานฝีมือจากกระดาษ
Insa Art Center ศูนย์รวมงานศิลปะซึ่งมีห้องแสดงนิทรรศการอยู่ถึง 4 ห้องเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.
Gana Art Space จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและงานฝีมือแบบเกาหลี เปิดให้เข้าชมทุกวัน ในส่วนการแสดงนิทรรศการการเปิดเวลา 10.00-19.30 น. ส่วนร้านขายของเปิดเวลา 10.00-20.00 น.
- อึนเฮียงกุง หรือวังอึนเฮียน (Unhyungung)
เป็นวังที่ประทับของเชื้อพระวงศ์ในสมัยโชซอน ประกอบไปด้วยอาคารที่สวยงามมากมาย ในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนเมษายนและตุลาคมของทุกปีจะมีการแสดงจำลองพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์โกจองและพระราชินีเมียงจิง วังแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 09.00-19.00 น. ค่าเข้าชม 700 วอน
- โพชินกัก (Boshingak Bell Pavillion)
เป็นพลับพลาที่ตั้งของระฆังสำคัญในประวัติศาสตร์ มีความสูง 3.18 เมตร ตัวระฆังถูกหล่อขึ้นในปีค.ศ. 1468 เพื่อใช้ตีเวลาปิดประตูเมืองในเวลาเย็นและเปิดประตูเมืองในตอนเช้า ระฆังใบเก่าถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาติ ใบที่อยู่ ณ พลับพลาแห่งนี้หล่อขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1985 ใช้ตีในวันขึ้นปีใหม่และโอกาสพิเศษต่างๆ
- หอคอยชงโน (Jongno Tower)
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล เป็นคอหอยที่มีสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว ในเวลาค่ำคืนจะประดับด้วยแสงไฟสว่างไสว ให้ทัศนียภาพที่น่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ที่ล้อมรอบด้วยกระจก ทำให้สามารถชมกรุงโซลยามค่ำคืนได้อย่างตื่นตาตื่นใจ
- ช็อกยีซา หรือวัดช็อกยี (Jogyesa)
เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและเป็นวัดสำคัญในศาสนาพุทธแบบนิกายของเกาหลีที่เรียกว่า เกจอง (Jogyejong) อยู่ในเขตช็อกยีจง มีชื่อเสียงมากในการจัดเทศกาลโคมไฟ ซึ่งตั้งต้นตั้งแต่สนามกีฬาทงแดมุน เคลื่อนไปตามถนนชงโนมาสิ้นสุดที่วันที่วัดนี้จัดขึ้นทุกฤดูใบไม้ผลิอันเป็นวันฉลองเพื่อระลึกถึงวันวิสาขบูชา
- เมียงดง (Myeongdong)
เป็นแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงต่างๆเป็นที่ตั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งพนักงานสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ร้านค้าที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในตรอกแถบเมียงดงนี้ ทั้งร้านของดีไซเนอร์ชื่อดัง สินค้าแบรนด์เนมต่างๆและร้านขายรองเท้า นอกจากเมียงดงจะเป็นย่านช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารบริษัทเงินทุน หรือบริษัทลงทุนต่างๆ
- นัมซาน (Namsan)
เป็นภูเขาหินแกรนิตตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประตูนัมแดมุน บนเนินเขานัมซานมีสวนสาธารณะอันสวยงาม สวนพฤกษศาสตร์ และรูปปั้นประวัติศาสตร์ ทางตอนเหนือของนัมซานมีหมู่บ้านซึ่งมีบ้านแบบต่างๆเปิดให้ชม ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ไทม์แคมซูลพลาซ่า (Time Capsule Plaza) ซึ่งเป็นหมู่บ้านและสวนแบบเกาหลี รวมถึงบ้านแบบต่างๆของเกาหลี 5 แบบ ภายในภูเขามีอุโมงค์ทางเดินเชื่อมระหว่างทางเหนือกับส่วนทางใต้
- โซลทาวเวอร์
บนจุดสูงสุดของนัมซานยังเป็นที่ตั้งของหอคอยแห่งกรุงโซล ซึ่งสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของตัวเมืองได้ นอกจากนั้นบนชั้นสูงสุดยังมีร้านอาหารที่หมุนรอบได้ 360 องศา รวมถึงโรงภาพยนตร์ 3 มิติไว้คอยบริการอีกด้วย สามารถเดินทางขึ้นหอคอยได้โดยนั่งกระเช้าลอยฟ้า ราคาบัตรโดยสาร 7,000 วอน เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-23.00 น.
- หมู่บ้านนัมซานกลฮันอก (Namsangol Hanok Village)
ตั้งอยู่บนเนินทางเหนือของนัมซาน นับเป็นสถานที่สำคัญอันแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมในแบบเกาหลี หมู่บ้านแห่งนี้มีพื้นที่กว้างถึง 7,934 ตารางเมตร ภายในหมู่บ้านมีห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยง เป็นแหล่งรวมอาหารเกาหลีนานาชนิด รวมทั้งมีห้องแสดงดนตรีและการเต้นรำพื้นเมือง
หมู่บ้านนัมซานกลฮันอกเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เปิดเวลา 09.00-20.00 น. เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เปิดเวลา 09.00-18.00 น.และเดือนเมษายน พฤษภาคม กันยายน และตุลาคม เปิดเวลา 09.00-19.00 น.
- โคเรียเฮาส์ (Korea House)
โคเรียเฮาส์คือรูปแบบสถาปัตกรรมแท้ๆแบบเกาหลี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับอาหารขึ้นโต๊ะแบบเกาหลีและการแสดงดนตรีและการระบำประจำชาติ รวมถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของชาวเกาหลีด้วย
โคเรียเฮาส์เปิดให้เข้าชมทุกวัน สามารถเข้าชมการแสดงประจำชาติได้ทุกวัน เวลา 19.00-20.00 น. และ 20.50-21.50 น. ค่าเข้าชมประมาณ 29,000 วอน
- ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)
ตลาดนัมแดมุนเป็นตลาดกลางแจ้งที่อยู่ไม่ไกลจาก ประตูนัมแดมุนอันเก่าแก่ของกรุงโซล ทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและโรงแรมมากนัก จึงเป็นที่นิยมของชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยว ประวัติของตลาดแห่งนี้ย้อนไปได้ถึงราชวงศ์โชซอน โดยในอดีตนั้นตลาดแห่งนี้ถือเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างเขตเมืองและชนบท นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อสินค้าได้ทุกประเภทที่ตลาดนัมแดมุน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ในบ้าน อาหาร ดอกไม้ อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องแก้ว เครื่องประดับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- นัมแดมุน หรือประตูนัมแด (Namdaemun)
นัมแดมุน หรือประตูใหญ่ทางทิศใต้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ซุงเยมุน (Sungnyemun) ประตูแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโซลเริ่มก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1395 สมัยพระเจ้าแทโจ ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 3 ปี ประตูบานนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา โดยมีขึ้นในรัชกาลพระเจ้าเซจงมหาราชเมื่อปีค.ศ. 1447 และรัชกาลพระเจ้าซองจงในปีค.ศ. 1479 และการบูรณะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1962 ซึ่งหลังจากบูรณะแล้วเสร็จ รัฐบาลเกาหลีได้จัดให้ประตูแห่งนี้เป็นสมบัติประจำชาติอีกด้วย แต่แล้วก็มีเหตุการณ์น่าเศร้าใจเกิดขึ้น เพราะเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ได้เกิดเหตุลอบวางเพลิงขึ้น ทำให้ประตูทั้งหลังได้รับความเสียหายอย่างหนักต้องใช้เวลาหลายปีในการบูรณะ
- ตลาดทงแดมุน (Dongdaemun
ตลาดค้าปลีกอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดด้วยบรรยากาศแบบโบราณและเปิดตลอด 24 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถต่อรองราคาสินค้าได้ที่ตลาดแห่งนี้ สินค้าหลักที่ตลาดแห่งนี้คือตลาดเสื้อผ้า เครื่องหนัง และเครื่องประดับ
นอกจากบรรยากาศแบบเก่าแล้วในปัจจุบันตลาดทงแดมุนยังมีห้างสรรพสินค้าทันสมัยอีกนับ 10 ร้านคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย เช่น Migliore, Doosan Tower, Blue Gate และ Designer Club เป็นต้น
- ฮังอินจิมุน หรือประตูฮังอินจิ (Heunginjimun) หรืออีกชื่อคือทงแดมุน หรือประตูเมืองตะวันออก เป็นประตูเมืองเดิมของกำแพงโบราณ ประตูเมืองทงแดมุนและตลาดทงแดมุนเป็นสถานที่ที่น่าสนใจและน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่บนชองโน
- สวนทับโกล (Tappol Park) หรือ พาโกดาปาร์ก (Pagoda Park)
เหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางแฟ่งเจดีย์ในสมัยราชวงศ์โชซอนตั้งอยู่บนถนนชองโน สวนแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ในการชุมนุมต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1919 ซึ่งเป็นวันที่เกาหลีประกาศต่อต้านญี่ปุ่นโดยไม่เกิดความรุนแรง
- แทฮังโน (Daehangno) หรือถนนมหาวิทยาลัยโซล (University Street)
แทฮังโนมีความหมายว่าถนนมหาวิทยาลัย เพราะในอดีตเคยมีวิทยาลัยศิลปะของมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซลตั้งอยู่ แทฮังโนคือแหล่งของการแสดงทางศิลปะของเกาหลี สามารถเรียกได้ว่าเป็นบรอดเวย์ตะวันออกเลยทีเดียว
ปัจจุบันถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของมูลนิธิวัฒนธรรมและศิลปะเกาหลี และแกลเลอรี่น้อยใหญ่ ทางเดินและสวนเล็กๆช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับถนนสายศิลปะแห่งนี้มากยิ่งขึ้น บวกกับการนำผลงานศิลปะของศิลปินต่างๆมาแสดง ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการแสดงต่างๆอาทิ การเต้นรำ การอ่านบทกวี และการแสดงอื่นๆ
- ชางด็อกกุง หรือพระราชวังชองด็อก (Changdeokgung)
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบก เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก ในปีค.ศ. 1997 อง๕การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้พระราชวังแห่งนี้เป็นมรดกโลก
ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุดของพระราชวังแห่งนี้คือ อุทยานลับ หรือฮูวอน (Huwon) หรือ พิวอน (Biwon) อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่ 78 เอเคอร์ ประกอบไปด้วยพลับพลาอันสวยงามสระน้ำ และสวนป่า พระราชวังเปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 09.15-17.45 น. นอกจากนั้น ภายในพระราชวังมีการจัดนำเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษบริการแก่นักท่องเที่ยวด้วยในช่วงเวลา 11.30 น., 13.30 น.และ 15.30 น.ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 3,000 วอน และเด็ก 1,500 วอน
- ศาสนสถานชงเมียว (Jongmyo Royal Shrine)
จากพระราชวังชางด็อก เพียงแต่ข้ามถนนยึลคงโน (Yulgongno) ไปก็จะพบกับสวนป่าร่องรอยจารึกถึงอดีต ที่ศาสนสถานแห่งนี้ 1 ใน 3 สถาบันแห่งรัฐในสมัยราชวงศ์โชซอน ศาสนสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปีค.ศ. 1995ในวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม จะมีพิธีการเฉลิมฉลองของลัทธิขงจื้อ (Confucian Ceremonial Rite) ซึ่งเป็นพิธีสำคัญของชาวเกาหลี ที่อนุรักษ์การแสดงดนตรีและการร่ายรำแบบโบราณเอาไว้ บริเวณสนามหญ้าและเจดีย์ชงเมียวจะเปิดให้ผู้คนเข้าไปชมพิธีสำคัญนี้ ศาสนสถานชงเมียวเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 09.00-18.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด เวลา 09.00-19.00 น. ค่าเข้าชม 1,000 วอน
- ชางเคียงกุง หรือพระราชวังชางเคียง (Changgyeonggung)
พระราชวังอีกแห่งที่มีความวิจิตรสวยงามไม่แพ้กัน พระราชวังชางเคียงมีประตูอันโอ่อ่าและสง่างาม โดดเด่นด้วยพระที่นั่งที่หันไปทางตะวันออก ซึ่งพระราชวังอื่นโดยทั่วไปล้วนหันไปทางทิศใต้ มีสะพานที่ตกแต่งอย่างงดงามแสดงให้เห็นถึงกาลสมัยอันรุ่งเรืองที่ผ่านมา ในช่วงการยึดครองของญี่ปุ่น พระราชวังได้กลายเป็นสวนพฤกษศาสตร์ รวมไปถึงสวนสัตว์ จนในที่สุดได้มีการย้ายสวนสัตว์ออก พระราชวังแห่งนี้จึงกลับมาสง่างามอีกครั้ง
พระราชวังเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 09.00-18.00 ในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด เปิดให้เข้าถึงเวลา 19.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,000 วอน และเด็ก 500 วอน
- อีวาจัง (Ihwajang)
อีวาจัง หรือรีวาจัง คือคฤหาสน์แบบเฉพาะของเกาหลี สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1930 ครั้งหนึ่งเคยเป็นคฤหาสน์ที่พักของประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลี ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของประธานาธิบดีและภริยา พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชม
- ซังคุนควัน (Sungkyunkwan)
เดิมทีเป็นสถาบันที่ให้การศึกษาเกี่ยวกับลัทธิขงจื้อ และเป็นที่ตั้งของเจดีย์มุนเมียวสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการเรียนและการจัดพิธีกรรมเกี่ยวกับลัทธิขงจื้อโดยเฉพาะในสมัยของราชวงศ์โชซอน ผู้มีความรู้จากทั่วประเทศจะมาชุมนุมกันที่นี่ เพื่ออภิปรายถกเถียงเกี่ยวกับวรรณคดีแล้วนำไปศึกษาค้นคว้าต่อ ปัจจุบันพิธีกรรมสำคัญยังคงจัดขึ้นบริเวณเจดีย์มุนเมียว (Munmyo) ภายในสถาบันมีห้องบรรยาย ที่พัก ศาสนสถานในลัทธิขงจื้อและผู้รู้ลัทธิขงจื้ออยู่มากมาย ในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงของทุกปีจะมีการจัดพิธีรำลึกถึงขงจื้อด้วย
- ซินชน (Sinchon)
ซินชนคือบริเวณที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังของกรุงโซลถึง 3 แห่ง อันได้แก่ มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University) มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Womens University) และมหาวิทยาลัยโชกัง (Sogang University) บริเวรนี้มีร้านค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเสริมสวย ร้านเสื้อผ้า และร้านเครื่องประดับต่างๆ รวมไปถึงโรงละครและไนต์คลับต่างๆ เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักศึกษามหาวิทยาลัย
- ถนนมหาวิทยาลัยยอนเซ
ถนนสายนี้มุ่งตรงจากสถานีรถไฟใต้ดินซินชนสู่มหาวิทยาลัยยอนเซ มีถนนสายเล็กมากมายที่แยกออกจากถนนใหญ่ ถนนเส้นนี้ได้รับเลือกให้เป็นถนนชวนเดินของชาวกรุงโซล นักท่องเที่ยวสามารถแวะรับประทานอาการ จิบกาแฟ หรือ ช้อปปิ้งตามร้านค้าต่างๆได้ตลอดเส้นทาง
- ถนนแห่งแฟชั่น (Ewha Womans University Street)
ถนนแห่งแฟชั่นเริ่มต้นจากประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาไปจนถึงสถานีรถไฟซินชน ตลอดสองข้างทางของถนนเส้นนี้จะเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าทันสมัย มีทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนม ร้านเสื้อผ้ามือสอง ร้านเครื่องประดับ และร้านรองเท้า ถือเป็นแหล่งยอดนิยมของวัยรุ่นกรุงโซล
- บริเวณมหาวิทยาลัยยองอิก (Hongik University)
มหาวิทยาลัยฮงอิกถือเป็นมหาวิทยาลัยทางศิลปะที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเกาหลี บริเวณนี้จึงเป็นบริเวณที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ของเกาหลีมักจะมาเดินเที่ยวกัน เพราะบริเวณรอบๆเต็มไปด้วยร้านอาหาร ผับ และร้านขายของแนวดีไซน์มากมาย ยามค่ำคืนบรรดาชาวร็อก เทคโน ฮิปฮอป และพวกคลั่งแจ๊ซจะมารวมตัวกันที่ภัตตาคารคาเฟ่หรือบาร์หรูในย่านนี้ ทำให้บรรยากาศคึกคักไปทั่วบริเวณ สำหรับใครที่ตั้งใจจะมาช้อปปิ้งบริเวณนี้อาจต้องผิดหวังเพราะจะไม่มีร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากเท่าที่อื่น แต่ในวันเสาร์-อาทิตย์ บนถนนสายเล็กๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัยจะกลายเป็นถนนคนเดินและมีนักศึกษานำสินค้าแฮนด์เมดที่ทำขึ้นมาวางจำหน่าย
สำหรับผู้ชื่นชอบซีรีส์เกาหลี ย่านถนนฮงอิกนี้เป็นฉากที่ใช้ถ่ายทำละครเรื่อง Coffee Prince ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเกาหลีอีกด้วย ย่านนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดังนี้
- ตลาดงานศิลปะ
ทุกวันเสาร์ ตรงบริเวณด้านหน้าของประตูหลักมหาวิทยาลัยฮงอิกจะเต็มไปด้วยงานฝีมือ เครื่องประดับ ตุ๊กตา เสื้อผ้าดีไซน์สวยฝีมือนักศึกษามหาลัยในราคาย่อมเยาตลาดงานศิลปะแห่งนี้เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 13.00-18.00 น. แต่หากสภาพอากาศไม่อำนวยตลาดอาจปิดได้ จึงควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง
- บาร์น้ำแข็ง (Sub Zero)
Sub Zero คือบาร์น้ำแข็งที่อุณหภูมิภายในคงที่อยู่ที่ -5 องศาเซลเซียสตลอดทั้งวัน นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นกำแพง ชั้นวางเครื่องดื่ม โต๊ะ หรือเก้าอี้นั้นล้วนทำขึ้นมาจากน้ำแข็งทั้งสิ้นภายในบาร์ได้รับการตกแต่งให้มีบรรยากาศคล้ายกับอิกลู หรือบ้านของชาวเอสกิโมด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสบรรยากาศแบบเอสกิโมได้ทุกวัน เวลา 12.00-02.00 น.
- สวนอิสรภาพ (Tongnimmun Independence Park)
สวนแห่งนี้ประกอบไปด้วยประตูแห่งอิสรภาพทงนิมมุน (Tongnimmun หรือ Independence Gate) และอาคารเรือนจำซอแดมุน (Seodaemun Prison) โดยประตูทงนิมุนนั้นสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1897 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยตนเองจากการแทรกแซงของชาวต่างชาติ ประตูนี้สร้างขึ้นจากหินแกรนิต จำลองแบบมาจากประตูชัยของปารีส ส่วนอาคารเรือนจำซอแดมุนนั้นสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1908 เป็นสถานที่ที่ผู้รักชาติหลายคนเคยถูกประหารและทรมานในยุคที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง ภายในอาคารมีการแสดงประวัติการต่อสู้ของชาวเกาหลี สภาพห้องขัง อุปกรณ์ทรมานนักโทษ และลานประหาร เป็นต้น สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 09.00-18.00 น.
- อิแทวอน (Itaewon)
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีในหมู่นักช้อปปิ้งและผู้แสวงหาความบันเทิงรูปแบบต่างๆเปรียบเสมือน สวนสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง ถนนสายช้อปปิ้งแห่งนี้มีความยาวประมาณ 1 ไมล์ เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้า และแผงลอยตามทางเดิน มีทั้งเสื้อผ้า แบบสั่งตัด เสื้อผ้าสำเร็จรูป สินค้าจากหนังสัตว์หรือหนังปลาไหล รองเท้า กระเป๋าถือ เครื่องทองเหลือง เพชรพลอย ตลอดจนขนสัตว์ที่ราคาไม่แพงนัก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของร้านขายโบราณวัตถุงานศิลปหัตถกรรม และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย
- ยออีโด (Yeouido) ยออีโดคืออีกภาพหนึ่งของกรุงโซลที่เต็มไปด้วยสถาบันการเงิน บริษัท และสำนักงานใหญ่ของธุรกิจข้ามชาติต่างๆ รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า แมนฮัตตันแห่งกรุงโซล (Manhattan of Seoul) เนื่องจากเป็นเกาะที่มีความทันสมัย มีสถานที่สำคัญและหน่วยงานด้านการเงินตั้งอยู่มากมาย อย่างสวนยออีโด ตลาดหลักทรัพย์ รัฐสภา ไปจนถึง สำนักงานใหญ่ของสถานีโทรศัพน์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของตึกที่งดงามยามต้องแสงอาทิตย์คือ ตึกสีทองที่ชื่อว่า KLI 63
- อาคาร KLI 63
เป็นอาคารที่สูงที่สุดในกรุงโซล มีความสูง 63 ชั้น หรือ 264 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตึกนี้เคยเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทลักกี้โกลด์สตาร์ หรือ LG มาก่อนแต่ปัจจุบันเป็นที่ทำการของบริษัทแดฮันประกันชีวิต ตึกนี้เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์บนดาดฟ้าของตึกและหอดูดาวที่ชั้นบนสุด นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ตลอดจนถึงโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์ให้ชมกันด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมอาคาร พิพิธภัณฑ์ และโรงภาพยนตร์ได้ทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. ราคาเข้าชมแต่ละสถานที่แตกต่างกันออกไป
- รัฐสภา (National Assembly of the Republic of Korea)
อาคารและบริเวณโดยรอบกินพื้นที่บนเกาะยออีโดถึง 12.5% ถือเป็นตึกรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยบริเวณรัฐสภานั้นประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์รัฐสภา และห้องสมุดรัฐสภา นักท่องเที่ยวสามารถซื้อทัวร์ชมรัฐสภาได้ที่ประตูทางด้านหลัง หรือติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ถนนรอบๆรัฐสภาจะเต็มไปด้วยดอกเชอร์รี่ที่บานสะพรั่ง เวลาให้บริการเข้าชมคือ 09.00-17.00 น.
- สวนยออีโด (Yeouido Park)
บริเวณนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นสวนในปีค.ศ. 1999 บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้ สนามหญ้า สระน้ำ และศาลา สามารถขี่จักรยานหรือเดินเล่นได้จนถึงบริเวณปากแม่น้ำฮัน
- แม่น้ำฮัน (Han Gang หรือ Han River)แม่น้ำฮันถือได้ว่าเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเกาหลีและเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซลไหลผ่านตัวเมืองจากตะวันออกไปตะวันตก รัฐบาลได้ทำการปรับปรุงแม่น้ำแห่งนี้เป็นแม่น้ำที่สวยงาม น้ำในแม่น้ำใสสะอาด มีทางเดินเลียบริมน้ำยาวกว่า 20 ไมล์ รวมไปถึงสวนพักผ่อนหย่อนใจริมฝั่งแม่น้ำ เป็นสถานที่สำหรับชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามโดยการล่องเรือชมยออีโดและชัมชิลที่อยู่สองฟากฝั่งของแม่น้ำฮัน การนั่งเรือล่องแม่น้ำฮันเพื่อชมทิวทัศน์ของสองฝั่งแม่น้ำใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารการล่องเรือประมาณ 9,900 วอน
|
|