สถานที่ท่องเที่ยวในกัวลาลัมเปอร์และนอกเมืองกัวลาลัมเปอร์
- ตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Towers)
ตึกแฝดนี้เป็นสัญลักษณ์ของกัวลาลัมเปอร์และมาเลเซียในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 451.90 เมตร สูง 88 ชั้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีตึกใหม่ๆทั่วโลก ทำสถิติสูงกว่าจนทำให้เปโตรนาสลายเป็นตึกที่สูงเพียงอันดับ 5 ของโลกก็ตามแต่ด้วยเหตุที่เป็นตึกแฝด เปโตรนาสจึงยังคงครองแชมป์ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก
สร้างโดยบริษัทปิโตรเลียมเนชั่นแนลเบอร์ฮาด หรือเรียกสั้นๆว่า เปโตรนาสซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานเปโตรนาสและสำนักงานให้เช่าของอีกหลายบริษัท ฐานล่างของตึกแฝดเป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 6 ชั้น เป็นที่ตั้งของห้างหรูอย่าง Suria KLCC (KLCC ย่อมาจาก Kuala Lumpur City Centre นับเป็นจุดศูนย์กลางของกัวลาลัมเปอร์ยุคใหม่ คล้ายสยามสแควร์ในประเทศไทย) ซึ่งนอกจากตึกแฝดและห้างสุเรียแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ประชุม สวนเคแอลซีซี และโรงแรมห้าดาวอีกหลายแห่ง
นอกจากความสูงแล้ว ยังมีจุดเด่นที่ความงดงามของโครงสร้างซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโครงเหล็กกับกระจก ที่สร้างไล่ขึ้นไปตามความสูงพุ่งยอดขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ในเวลากลางวันจะงดงามด้วยกระจกและโครงเหล็กที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ส่วนในยามค่ำคืนกลับแปรเปลี่ยนเป็นดั่งแท่งคริสตัลที่งามยิ่งยามต้องแสงไฟ และสามารถชมทิวทัศน์แบบ birds eye view ของกัวลาลัมเปอร์จากบนสกายบริดจ์ (Sky Bridge) ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตึกทั้งสองที่ชั้น 41 (สูง 170 เมตร) โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องมารับบัตรตั้งแต่เช้าตรู่
- หอคอยกัวลาเปอร์ (KL Tower)
หรือ Menara KL เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2539 โดยมีความสูง 421 เมตร ถือเป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ด้วยเหตุที่ KL Tower ตั้งอยู่บนยอดเขานานัส (Bukit Nanas) เมื่อวัดความสูงรวมความสูงของภูเขาด้วยแล้วยอด KL Tower จะมีความสูงถึง 515 เมตร ซึ่งสูงกว่าตึกแฝดเปโตรนาสเสียอีก
จุดประสงค์หลักในการสร้างหอคอยคือ เพื่อเป็นสถานีส่งสัญญาณโทรคมนาคมแต่ด้วยความสูงขนาดนี้ ชั้น TH01 ซึ่งอยู่เกือบชั้นบนสุดของหอคอยจึงมีผนังกระจกรอบด้านสำหรับชมทิวทัศน์ ซึ่งแน่นอน ณ ตำแหน่งนี้สามารถมองเห็นตึกแฝดเปโตรนาสที่มีความสูงไล่เลี่ยกันได้อย่างเต็มตา หรือหากอยากชมวิวที่สูงกว่านี้และพร้อมกินอาหารไปด้วย ต้องขึ้นไปยังชั้น TH02 เพราะเป็นที่ตั้งของภัตตาคารเสรีอังกาซารีโวลวิง (Seri Angkasa Revolving)
- จัตุรัสเมอร์เดกา (Merdeka Square)
หรือดาตารันเมอร์เดกา (Dataran Merdeka) ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของม้ำคลางกับแม่น้ำกอมบัก ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองในแง่ประวัติศาสตร์การก่อเกิดประเทศมาเลเซีย เป็นสถานที่ที่ธงชาติอังกฤษถูกปลดลงจากเสาแล้วแทนที่ด้วยธงชาติมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2500 นับเป็นวันชาติของมาเลเซีย ซึ่งคำว่า เมอร์เดกา หมายถึงเอกราช
จุดเด่นของจัตุรัสเมอร์เดกาคือเสาธงขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 100 เมตร ซึ่งเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่กลางสนามหญ้า บริเวรนี้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆระดับชาติ อีกทั้งยังห้อมล้อมด้วยเหล่าอาคารยุคอาณานิคม จึงยังคงมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมอังกฤษให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น ตึกสุลต่านอับดุลซามัด หอสมุด DBKL หรืออาคาร KTM Berhad
- อาคารสุลต่านอับดุลซามัด (Sultan Abdut Samad Building)
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจัตุรัสเมอร์เดกา ซึ่งหากเปรียบจัตุรัสเมอร์เดกาเป็นท้องสนามหลวง ความสำคัญของอาคารสุลต่านอับดุลซามัดเปรียบเสมือนพระบรมมหาราชวัง
ตึกงามหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2440 ตั้งชื่อตามพระนามของสุลต่านแห่งสลังงอร์โดยมีจุดประสงค์แรกคือ ใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการต่างๆในยุคที่อังกฤษเข้ามาปกครอง ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของศาลฎีกา
ถือเป็นหนึ่งในอาคารประวัติศาสตร์ที่งดงามมากที่สุดของมาเลเซีย เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างศิลปะแบบอังกฤษ ซึ่งโดดเด่นด้วยหอนาฬิกาสูงกลางอาคาร กับศิลปะแบบอิสลาม อันประกอบด้วยโดมทองขนาดใหญ่บนหอนาฬิกาและหอคอยที่โอบขนาน ซึ่งมีความงดงามนี้ยังแต่งเติมด้วยลวดลายอย่างละเอียดตลอดอาคาร
- มัสยิดจาเม็ก (Masjid Jamek)
เป็นมิสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในกัวลาลัมเปอร์และรัฐสลังงอร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 โดยสุลต่านแห่งรัฐ เพื่อเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามของรัฐ คำว่า Jamek หมายถึง สถานที่ชุมนุมทางศาสนา
รูปแบบอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมกุล (Mogul) แห่งอินเดียประกอบด้วยโดมขนาดใหญ่ 3 โดมห้อมล้อมหอสวดมนต์ โดมด้านข้างทั้งสองสูง 26.80 เมตร ส่วนโดมใหญ่ตรงกลางสูง 21.30 เมตร ด้วยขนาดและความเก่าแก่ทำให้โมนี้เคยพังลงเมื่อปี พ.ศ.2533 แต่มีการสร้างใหม่ให้ความงดงามดังเดิม
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจัตุรัสเมอร์เดกาเป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศษสตร์ของประเทศมาเลเซียจนกระทั่งได้รับเอกราช
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 เป็นอาคารขนาดใหญ่สองชั้น ผนังด้านหน้าอาคารตกแต่งด้วยจิตรกรรมซึ่งแสดงวิถีชีวิตและประเพณีของชาวมาเลย์ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆพร้อมบอกเล่าวิถีชีวิตของชาวมาเลย์ในรัฐต่างๆผ่านวิธ๊การนำเสนออันทันสมัย เช่น ภาพสามมิติของการเดินเรือสินค้า ที่มาของการกำเนิดเมืองมะละกา ป้อมประตูจำลองขนาดใหญ่ของรัฐยะโฮร์ และการจำลองป่าดิบชื้นมาไว้ในพิพิธภัณฑ์ ประหนึ่งว่ากำลังเดินอยู่อยู่ท่ามกลางผืนป่าจริงๆเป็นต้น
-
National Planetarium
หรือท้องฟ้าจำลองของมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านหลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับยานอวกาศและการสำรวจอวกาศ นอกจากนี้ยังมีการฉายภาพบนตร์สั้นและการ์ตูนเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศหลายเรื่อง
- มัสยิดแห่งชาติ
เป็นมัสยิดที่มีความสำคัญมากที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่แทนมัสยิดจาเม็กซึ่งมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อันแปลกตา โดดเด่นด้วยหอคอยสูง 73 เมตรกับยอดโดมรูปดาว อีกทั้งโดยรอบยังตกแต่งอย่างงดงามด้วยต้นไม้ สระน้ำ และน้ำพุ
สถานที่ท่องเที่ยวนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์
- ถ้ำบาตู (Batu)
ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมาเลเซีย อยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ไปทางทิศเหนือประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าจะมีชาวฮินดูจำนวนมากมาประกอบพิธีกรรมที่นี่
สิ่งแรกที่โดดเด่นเมื่อผ่านซุ้มประตูอันวิจิตรคือ รูปปั้นสีทองขนาดใหญ่ของพระศิวะ ที่สูงใหญ่จนต้องมองแบบแหงนคอตั้งบ่า แล้วบริหารกล้ามเนื้อขาด้วยการก้าวขึ้นบันได 272 ขั้นสู่โถงถ้ำด้านบนภายในมากมายด้วยหินงอกหินย้อยอาบแสงไฟ สร้างความน่าสนใจแก่ผู้มาเยือน
- เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highlands)
ตั้งอยู่บนเขาสูงในพื้นที่รัฐปะหัง แต่เดินทางจากกัวลาลัมเปอร์จะสะดวกกว่าเพราะห่างจากกัวลาลัมเปอร์เพียง 51 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งกระเช้าลอยฟ้าไต่ระดับความสูงขึ้นสู่ยอดเขาที่ความสูงถึง 2,000 เมตร ซึ่งปกคลุมด้วยหมอกและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
นอกจากความตื่นตาระหว่างนั่งกระเช้าสู่ยอดเขาแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยความบันเทิงหลากหลายรูปแบบจนเปรียบเสมือนสวรรค์บนโลกมนุษย์ นอกจากบ่อนกาสิโนหรูหลายแห่งซึ่งไม่แนะนำให้เข้าไปเสี่ยงโชค แต่อยากให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมแล้วที่นี่ยังมีโรงแรมหรูอีก 6 แห่ง ภัตตาคารรสเลิศ โรงภาพยนตร์ โรงแสดงคอนเสิร์ต สนามกอล์ฟลอยฟ้า และสวนสนุกระดับโลกอีก 2 แห่ง คือ Outdoor Theme Park ซึ่งมากมายไปด้วยเครื่องเล่นเร้าใจ กับ First World Indoor Theme Park ที่จัดแสดงสถานที่สำคัญของประเทศต่างๆ และสร้างบรรยากาศให้เหมือนหลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ปุตราจายา (Putrajaya)
เป็นเขตปกครองพิเศษอยู่ในพื้นที่รัฐสลังงอร์ ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ไปทางใต้ 25 กิโลเมตร เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่ แทนกัวลาลัมเปอร์ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องการขยายของตัวเมือง
ชื่อ ปุตราจายา นี้มาจากชื่อนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย นามว่าตนกู อับดุล รามัน ปุตรา อัลฮัจ นอกจากการเป็นศูนย์กลางการปกครองแล้วเมืองใหม่แห่งนี้ยังถูกจัดผังเมืองไว้อย่างมีระบบ โดบแบ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยและเขตหน่วยงานราชการไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการสร้าง Putrajaya Sentral ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทั้งรถไฟและรถประจำทาง เหมือน KL Sentral ในกัวลาลัมเปอร์
- มัสยิดปุตรา (Putra Mosque)
อาคารขนาดใหญ่ สามารถรองรับได้ถึง 15,000 คน โดยตรงกลางคลุมด้วยโดมสีชมพูขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีโดมสีชมพูขนาดเล็กอีกหลายโดม จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ มัสยิดสีชมพู ส่วนหอคอยสูงยอดแหลม (minaret) นั้นมีความสูงภึง 116 เมตร
การชมความงามของมัสยิดแห่งนี้ควรจะชมจากริมทะเลสาบซึ่งอยู่ด้านข้างเพราะนอกจากจะเห็นมัสยิดสะท้อนเงาสีชมพูบนแผ่นน้ำแล้ว ที่ริมทะเลสาบยังสามารถมองเห็นสะพานเสรีวาวาซาน (Seri Wawasan) ซึ่งเป็นสะพานรูปทรงแปลกตาทอดตัวข้ามผืนน้ำ
- ที่ทำการนายกรัฐมนตรี
เป็นอาคารขนาดใหญ่ มียอดโดมคล้ายมัสยิด ด้านหลังทำเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตรงกลางสวนเป็นที่ตั้งของวังเมลาวาตี (Istana Melawati)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ข้อมูล : Go มาเลเซีย : แพรวสำนักพิมพ์ท่องโลก : วีรศักดิ์ เทียนธนะวัฒน์
|
|