|
|
|
|
พระมหามุนีจำลอง |
|
วัดจองคำ |
วัดจองคำ |
|
|
|
|
หนองตุง |
|
พระชี้นิ้ว |
พระชี้นิ้ว |
|
|
|
|
วัดจองคำ |
|
วัดจองคำ |
พระมหามุนี |
|
|
|
|
นาขั้นบันไดเชียงตุง |
|
นาขั้นบันไดเชียงตุง |
นาขั้นบันไดเชียงตุง |
|
|
|
|
นาขั้นบันไดเชียงตุง |
|
ต้นยางยักษ์ |
เด็กๆที่เชียงตุง |
เชียงตุง
ชื่อ "เชียงตุง" ในแผนที่ภาษาอังกฤษเขียนเป็น KENG - TUNG เพราะเขียนตามเสียงไทใหญ่ ซึ่งใช้ "เก็ง" แทน "เชียง" เช่น "เชียงใหม่" จะเรียกเป็น "เก็งเหม่อ - อ" เป็นต้น ส่วนชาวไทเขินเรียก "เชียงตุง" เป็น "เจ็งตุ๋ง" เจ้าสายเมือง มังราย ในหนังสือของท่าน จึงแก้คำว่า KENGTUNG มาเป็น JENGTUNG ตามเสียงไทเขิน
ในชื่อ "เชียงตุง" คำว่า "เชียง" หมายถึงเมืองซึ่งรวมทั้ง "เวียง" และบริเวณรอบ ๆ ส่วนคำว่า "ตุง" นั้นมาจากชื่อฤษีองค์ที่ตำนานเมืองเชียงตุงจารึกว่าเป็นผู้สร้างเมืองเชียงตุง เรื่องนิทานดึกดำบรรพ์มีอยู่ว่า สมัยโบราณน้ำท่วมเมืองเชียงตุงจนชาวบ้านอยู่ไม่ได้ ต้องหนีขึ้นดอยหมด ตอนหลังมีโอรสเจ้าฟ้าว้อง (จักรพรรดิเมืองจีน) องค์หนึ่งมาใช้อภินิหารไม้เท้าของพระองค์ ขีดพื้นดินให้กลายเป็นร่องน้ำ ระบายน้ำจากหนองไป ทีแรกขีดลงทางทิศใต้ น้ำไม่ไหลออก ครั้งที่สองต้องขีดพื้นทิศเหนือแล้วต่อสายน้ำเข้าแม่น้ำโขง น้ำถึงจะไหล การที่แม่น้ำไหลขึ้นเหนือ จึงมีชื่อว่า แม่น้ำขึน ส่วนบริเวณหนองเดิม จึงมีชื่อว่า "หนองตุง" และเมืองตุงคบุรี หรือ เชียงตุง (ก็ตั้ง) ตามชื่อของตุงคฤษี ผู้สร้างเมืองเชียงตุง"
เชียงตุง อุษาคเนย์ ซ้ายสิบนาฬิกา
ดินแดนซ้ายสิบนาฬิกา ตามภาษาทหาร อันเป็นที่ตั้งของรัฐฉาน ( Shan State ) ประเทศสหภาพพม่า รัฐที่มีชนชาวไทหรือไต ชนชาติไทดั้งเดิมอย่างเช่น ไทใหญ่ ไทขึน ไทลื้อ และอีกหลายเผ่าไท อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในพม่าโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง เชียงตุง อีกหนึ่งในดินแดนแห่ง อุษาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันหมายรวมถึงดินแดนในหลายประเทศประกอบรวมกันอยู่ระหว่างประเทศจีนกับอินเดีย
พม่าเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอีกหนึ่งความใฝ่ฝัน ที่เฝ้ารอโอกาสไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่ง แล้วโอกาสก็มาถึง เชียงตุง คือเป้าหมายการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ เมืองเชียงตุงได้ชื่อว่าเป็นเมือง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู ..อันมีความหมายถึงเมืองที่มีภูเขาสูงล้อมรอบอยู่ 3 จอม มีชุมชนดั้งเดิมชาวไทขึนที่ขึ้นต้นด้วยเชียงอยู่ 7 เชียง มีหนองน้ำหล่อเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์อยู่ 7 หนอง และมีประตูเมืองทั้งหมด 12 ประตู (เท่าที่เห็นปัจจุบันเหลือเพียง 1 หนอง 2 ประตู) รวมกันเป็นแว่นแคว้นที่เรียกว่า เขมรัฐตุงคบุรี
เชียงตุงเป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่กลางหุบเขาบนความสูงประมาณ 800 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เวลาที่นี่จะช้ากว่าเมืองไทย 30 นาที ประชากรส่วนใหญ่ เป็นชาวไทขึน หรือ ไทเขิน ชนชาวไท ที่รู้จักกันดีมานานแล้วจากงานศิลปหัตถกรรมเก่าแก่ระดับคลาสสิก ที่คนไทยเราเรียก เครื่องเขิน ชนเผ่าไทที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำขึน สายน้ำสาขาของแม่น้ำโขง จึงเรียกชนเผ่าไทกลุ่มนี้ว่า ชาวไทขึน เชียงตุงเป็นเมืองเล็กก็จริงแต่กลับมากมายด้วยวัดวา ตั้งเรียงรายกันอยู่ทั่วเมืองในลักษณะที่เรียกว่า วัดชนวัด สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีต และลักษณะนิสัยของชาวไทหรือไตที่ชอบการทำบุญทาน
เมืองเชียงตุงเคยเป็นจังหวัดหนึ่งของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี กองทัพไทยยกทัพขึ้นมายึดเชียงตุงจากอังกฤษ แล้วประกาศให้เป็นจังหวัดหนึ่งของไทยชื่อ แคว้นสหรัฐไทยเดิม ได้จัดระบบการปกครองและจัดการการศึกษาเสียใหม่ให้เป็นแบบเดียวกับเมืองไทยอยู่ได้ราว 3 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้ชาวเชียงตุงบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นก็หมดไปพร้อมกับไทยซึ่งอยู่ในฝ่ายประเทศผู้แพ้สงคราม จึงจำต้องคืนเชียงตุงให้อังกฤษไปผนวกรวมดินแดนเป็นของสหภาพพม่า ตั้งแต่นั้นมาชาวเชียงตุงจึงมีฐานะเป็นแค่พลเมืองชั้นสองที่ถูกจำกัดสิทธิทางการเมืองการปกครอง รัฐบาลพม่าเข้ามาปกครองอย่างเข้มงวดมีกฎเกณฑ์มากมายมาควบคุม จะอพยพโยกย้ายถิ่นฐานออกนอกเขตเมืองเชียงตุงไปไม่ได้ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป และถูกปิดตายมานานกว่า 50 ปี ท่ามกลางกระแสการกลืนกินชนชาติ จารีตประเพณี และวัฒนธรรมของพม่า จนเมื่อรัฐบาลพม่ายอมเปิดตัวเมืองเชียงตุงออกสู่สายตาชาวโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลับยังคงพบเห็นว่าชาวไทขึนเชียงตุงรักษาเอกลักษณ์ ความเป็นชนชาติไทดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
วัดในเชียงตุง
วัดพระเจ้าหลวงหรือวัดเจ้าหลวง วัดพระแก้ว วัดหัวโข่งหรือหัวข่วง วัดทั้งสามนี้ห่างกันเพียงแค่ถนนกั้นไว้ ใครมาเชียงตุงหากคิดจะเที่ยวชมวัดให้ครบเห็นจะต้องใช้เวลากันหลายวัน เพราะเชียงตุงมีวัดอยู่มากกว่า 30 วัดขึ้นไป ดังนั้นการมาเชียงตุงจึงเป็นเรื่องของการมาศึกษาเที่ยวชมสถาปัตยกรรมและประติมากรรมตามวัดต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะพุกามตอนปลาย ผสมกับศิลปะสมัยกรุงมัณฑเลย์ จนเรียกได้ว่าเป็นศิลปะคู่บ้านคู่เมืองเชียงตุง
หนองตุง
หนองตุง หนึ่งใน 9 หนองใหญ่ ที่คงเหลืออยู่เพียงหนองน้ำเดียว หล่อเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์แก่เมืองเชียงตุงแต่ครั้งกาลก่อนจนถึงปัจจุบันตามตำนานเก่าแก่กว่า 800 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำขึน มีพระดาบสรูปหนึ่งนาม ตุงคฤาษี ได้แสดงกฤดาภินิหารอธิษฐานให้น้ำไหลออกไป คงไว้แต่หนองน้ำใหญ่กลางใจเมือง จึงตั้งชื่อหนองตุงตามชื่อดาบสรูปนี้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ เชียงตุง หรือ เขมรัฐตุงคบุรี มีความหมายว่าเมืองแห่งตุงคฤาษีอาณาประชาราษฎร์มีแต่ความเกษมสำราญ
|
|
|
|
เมืองลา : พระชี้นิ้ว |
|
เมืองลา |
วัดจินตะ |
|
|
|
|
วัดจินตะ |
|
วัดจินตะ |
วัดจินตะ |
|
|
|
|
วัดจินตะ |
|
ชายแดนจีนพม่า |
ชายแดนจีนพม่า |
|
|
|
|
พระนอน |
|
ตลาดเช้าเมืองลา |
ตลาดเช้าเมืองลา |
|
|
|
|
วัดจินตะ |
|
อาหารที่เมืองลา |
หอฝิ่น |
|
|
|
|
หอฝื่น |
|
ห้องพักโรงแรมที่เมืองลา |
โรงแรมที่เมืองลา |
เมืองลา
เมืองลาเป็น เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของพม่า (Special Region Number4) ประเทศพม่ามีการปกครองแบบเผด็จการ ทหารมีอำนาจสูงสุด แบ่งการปกครองออกเป็น 7 รัฐ 7 มณฑล 4 เขตปกครองพิเศษ มีประชากรกว่า 50 ล้านคน เขตปกครองพิเศษเมืองลา เป็นเขตพิเศษกว่าเขตอื่นๆ เพราะไม่มีคนพม่า ทหาร ตำรวจ ของพม่าไม่มี พูดภาษาจีนไม่พูดพม่า ใช้เงินหยวน ไม่ใช้เงินจั๊ด ไม่ใช้กฎหมายของพม่า แต่ใช้กฎระเบียบข้อบังคับของเมืองลาโดยตรง จึงมีคำกล่าวเล่น ๆ ของไกด์ หอมทิพย์ว่า ถ้าจับคนข่มขืนผู้หญิง จะติดคุกแค่วันเดียวรุ่งขึ้นนำไปประหาร ขโมยของผู้อื่นจะถูกตัดนิ้ว เป็นต้น เมืองลามีประวัติศาสตร์การต่อสู้กับทหารพม่า โดยมีจีนอยู่เบื้องหลังส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ ต้องยอมรับว่าประเทศพม่ามีชนกลุ่มน้อยเป็นจำนวนมาก ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับพม่าเช่น กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ ว้า แต่กองกำลังติดอาวุธเมืองลา ถือว่า ได้บรรลุผลสำเร็จที่สามารถเจรจาวางอาวุธและแบ่งเป็นเขตปกครองพิเศษได้ โดยจีนเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยมีจางซีโฟร์ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธเมืองลา ร่วมเจรจาและได้เป็นเจ้าเมืองปกครองเป็นคนแรกของเขตปกครองพิเศษเมืองลา ดังนั้นเมืองลาจึงเป็นดินแดนของพม่า แต่ปกครองโดยจีน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
รูปภาพโดย ทริปดีดี ดอทคอม |