|
|
|
|
|
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
|
|
|
|
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
|
|
|
|
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
|
|
|
|
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย |
คัปปาโดเกีย(Cappadocia) พื้นที่ที่เรียกกันว่า คัปปาโดเกีย ในปัจจุบันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของอาณาจักรเฮเลนิสติค ต่อมาจึงกลายเป็นมณฑลการปกครองหนึ่งของโรมัน อาณาเขตเดิมครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยไมล์ แผ่ออกไปทางตะวันออกและตะวันตก ที่คัปปาโดเกียเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ 3 ลูก คือ Erciyes , Mekendiz และ Hasan จนกลายมาเป็นหินรูปต่างๆ ที่ถูกกัดกร่อนจากลมและฝน หิมะและน้ำมานับล้านปี ในปี ค.ศ. 1985 ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของตุรกี ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนในแต่ละยุคแต่ละสมัยจึงเกิดการยุดเจาะให้เกิดเป็นที่พัก ในถ้ำ คัปปาโดเกียมีพื้นที่ันับพันตารางไมล์ ครอบคลุมพื้นที่ของเมืองเล็กเมืองน้อยในแถลตอนกลางของตุรกี ได้แก่เมืองเคย์เชอรี ,เนฟเชอีร์ , อุชหิซาร์ และ อูร์กุป , อวานอส และ เกอเรเม
แหล่งท่องเที่ยว
- เมืองเกอเรเม (Gorrme) เป็นศูนย์กลางการสัญจรไปหามุมต่างๆ ของคัปปาโดเกีย อยู่ห่างจากหมู่บ้านอวานอสและเนฟเชอีร์ประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างจากอุชหิซาร์ 5 กิโลเมตร ห่างจากอูร์กุปประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากเคย์เชอรีประมาณ 90 กิโลเมตร
|
|
|
|
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
|
|
|
|
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม |
|
คลิปวีดีโอ พิพิิธภัณฑ์กลางแ้จ้งเกอเรเม |
- พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีโบสถ์ถ้ำเรียงรายหลายแห่ง ใรศตวรรษที่้ 4 คัปปาโดเกียถูกเรียกว่าเป็น Land of the Three Saints ทำให้เกิดโบสถ์ขึ้นมากมายในยุคนั้น โบสถ์ถ้ำที่เหลือส่วนใหญ่สร้างในศตวรรษที่ 10-12 โดยการขุดและเจาะภูเขาหิน ทำให้ด้านในเป็นโบสถ์เพื่อเผยแพร่ศาสนาคริสต์ภายในตกแต่งด้วยภาพวาดสีสวยงาม ไม่ต่างจากโบสถ์ทั่วไป เมื่อปี ค.ศ. 1984 ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกโลก โบสถ์ที่น่าสนใจที่เปิดให้ชมประมาณ 10 แห่งได้แก่
- โบสถ์แอปเปิ้ล (Apple Church) โบสถ์นี้มีภาพเขียนสีเฟรสโกในศตวรรษที่ 11 เล่าถึงนักบุญและบาทหลวง บางส่วนเล่าถึงคัมภีร์ไบเบิ้ลและชีวิตของพระเยซู แต่ก่อนจะมีต้นแอปเปิ้ลอยู่หน้าทางเข้าโบสถ์จึงเป็นที่มาของชื่อโบสถ์
- โบสถ์เซนต์บาร์บารา (St. Barbara Chapel) อยู่ด้านหลังโบสถ์แอปเปิ้ล เป็นโบสถ์ยุคแรกๆ ที่มีภาพเขียนสีเฟรสโก
- โบสถ์งู (Snake Church) เป็นโบสถ์ใรศตวรรษที่ 11 ที่มีภายเฟรสโกที่มีรูปพระเยซูที่ในมือมีหนังสือ รวมถึงภาพของนักบุญหลายๆ คน และมีภาพจักรพรรดิคอนสแตนตินและแม่ของพระองค์ด้วย
- โบสถ์ดาร์ก (Dark Church) ภายในโบสถ์ค่อนข้างมืด เคยเป็นที่อยู่ของนกพิราบ ถึง 14 ปี เป็นโบสถ์ถ้ำที่สวยที่สุดในคัปปาโดเกีย ต้องจ่ายค่าเข้าชมแยกต่างหากประมาณ 8 ลีรา
- โบสถ์แคทเธอลีน (St. Catherine Chapel) สร้างในศตวรรษที่ 11 มียอดโดมแบบกรีกที่อยู่ตรงกลาง ภาพเฟรสโกบรรยายถึงนักบุญหลายคน รวมถึงเซนต์แคทเธอลีน
- โบสถ์คาริกลี (Carikli Church) เป็นโบสถ์ที่มีภาพวาดเกี่ยวกับพระเยซูและพระแม่มารี สร้างในปลายศตวรรษที่ 12
- สำนักนางชี ในอดีตเคยมีแม่ชีอาศัยอยู่ถึง 300 คน ด้านในมีทั้งโบสถ์ ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องเก็บเสบียง และห้องสวดมนต์
- โบสถ์บัคเคิล (Buckle Church) สร้างเมื่อศตวรรษที่ 10 เป็นโบสถ์ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในเกอเรเม และมีภาพเขียนสีเฟรสโกที่ดีที่สุด ทั้งสีสันและรายละเอียดที่สมบูรณ์ ภายในมีโบสถ์เก่า โบสถ์ใหม่ และโบสถ์ต่ำ โดยไฮไลท์คือโบสถ์เก่าที่ได้รับความสนใจมาก
- หมู่บ้านอวานอส (Avanos Village) เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีคนอาศัยอยู่ราว 12,000 คน มีชื่อเสียงในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก เนื่องจากมีแม่น้ำที่มีดินตะกอนแดงไหลผ่าน ชาวบ้านเลยนำดินมาลองปั้นใช้เป็นอุปกรณ์ เครื่องใช้ในครัวเรือน ในปัจจุบันได้ปั้นขายจนพัฒนามาเป็นอาชีพ
- พิพิธภัณฑ์เซลเว (Zelve Open Air Museum) มีค่าเข้าชมคนละ 5 ลีรา เป็นชุมชนที่ชาวคริสต์และชาวมุสลิมใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1924 ชาวคริสเตียนที่เป็นชนกลุ่มน้อยได้อพยพออกไป ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีเส้นทางเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับเดินชมบ้านถ้ำเก่าแก่
- อุชหิซาร์ (Uchisar) ห่างจากเกอเรเม 5 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาขนาดใหญ่ที่มีรูพรุนไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เรียกว่าปราสาทอุชหิซาร์ ในอดีตมีไว้เป็ฯป้อมปราการที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เอาไว้สอดส่องขา้ศึก มีลักษณะคล้ายจอมปลวก หรือ รวงผึ้งขนาดใหญ่ มีหินรูปกรวยคว่ำ รูปกระโจม ตั้งกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
- อูร์กุป (Urgup) จากอูร์กุปไปเกอเรเม ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในสมันก่อนที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางทางด้านการปกครองของคัปปาโดเกีย ที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของไวน์และพรมทอมือในคัปปาโดเกีย
- ออร์ตาหิซาร์ (Ortahisar) ป้อมปราการสูงราว 100 เมตร อยู่ห่างจากเมืองอูร์กูปประมาณ 6 กิโลเมตร ลักษณะคล้ายกับรังผึ้ง มีทั้งถ้ำและอุโมงค์ในป้อมปราการ จากบนป้อมจะเห็นวิวมุมสูงของคัปปาโดเกีย
- เมืองใต้ดินไคมักลึ (Kaymakli Underground City) มีค่าเข้าชมคนละ 15 ลีราเปิดทุกวันเดือนมีนาคม-กันยายน เปิด 08.00-19.30 น. และ เดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ 08.00-17.00 น.ในอดีตคัปปาโดเกียถูกรุกรานจากพวกโรมันและอาหรับเนื่องจากผลประโยชน์ทางการค้า ชาวเมืองจึงขุดเมืองใต้ดินเพื่อไว้หนีภัยสงคราม เมืองใต้ดินมีอุณภูมิเฉลี่ยประมาณ 17-20 องศา ภายในมีที่เก็บเสบียงอาหารสามารถอยู่ได้นานนับเดือน ที่คัปปาโดเกีย มีเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ๆ สิบกว่าแห่งเปิดให้นักท่องเที่นสเข้าชมหลักๆอยู่ 2-3แห่ง ที่ไคมักลีค่อนข้างใหญ่และสมบูรณ์เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1964 ภายในเมืองใต้ดินลึกเกือบ 100 เมตรแบ่งเป็นชั้นๆ มีห้องต่างๆมากมาย ห้องอาหาร ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องเ็ก็บอาหารและเก็บเสบียง ห้องประชุม ห้องไวน์ ห้องครัว มีประมาณ 8-9 ชั้นแต่ที่ให้เราชมนั้นมีประมาณ 4 ชั้นเท่านั้นคะ
|
|
|
|
เมืองใต้ดินไคมักลึ |
เมืองใต้ดินไคมักลึ |
เมืองใต้ดินไคมักลึ |
เมืองใต้ดินไคมักลึ |
|
คลิปวีดีโอ เมืองใต้ดินไคมักรึ |
- เมืองใต้คิดเดอรินคุยุ (Derinkuyu Underground City) เป็นเมืองใต้ดินที่มีความนิยมรองลงมาจากที่ไคมักลี เปิดให้เข้าชมในปี ค.ศ. 1969 ขุดลึกลงไปประมาณ 85 เมตร หรือ เป็นชั้นๆ ประมาณ 11 ชั้น เป็นเมืองใต้ดินที่ลึกที่สุด สำหรับหลบศัตรูที่รุกราน มีห้องต่างๆ เช่นเดียวกับ เมืองใต้ดินไคมักลี
- จุดชมวิวประจำเมือง (Panorama View Point) เป็นจุดชมวิวที่อยู่ใกล้กับเมืองอุชหิซาร์ เป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาคัปปาโดเกีย ในช่วงเช้าจะมีบริการบอลลูนให้ชมทัศนนียภาพมุมสูง
- เนฟเชฮีร์ (Nevsehir) : เป็นเมืองที่ทันสมัยมากที่สุดในคัปปาโดเกีย มีป้อมปราการบนภูเขา มีพิพิธภัณฑ์ และเป็นจุดต่อรถที่สำัคัญ
- เคย์เซอรี่ (Keyseri): มีสนามบินและเป็นประตูสู่คัปปาโดเกีย เคย์เซอรี่มีผู้คนอาศัยอยู่ราว 8-9 แสนคน เป็นเมืองใหญ่แต่ยังมีสถาปัตยกรรมแบบเซลจุกให้เห็น ถ้าเป็นอาคารที่เก่าแก่ตัวอาคารจะทำจากหินภูเขาไฟที่ระเบิด และยังมีเทือกเขา Erciyes ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร สูงราว 4,000 เมตร มีลานสกีเอาไว้ด้วย มีมัสยิด Hanat Hatun ที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ในอดีตเป็นเมืองที่อยู่ในเส้นทางสายไหม จึงมีสถานที่ที่เคยเป็นที่พักของกองคาราวานพ่้อค้าอยู่สองแห่งคือ Sultan Han และ Karatay Han
- หุบเขาอิห์ลารา (Ihlara Valley) อยู่ในอาณาบริเวณของเทือกเขา Hasan และ ภูเขา Melendiz ในสมัยก่อนเคยมีผู้คนอาศัยอยู่ราวแปดหมื่นคน หุบเขาแห่งนี้แบ่งเป็น 4 โซน หรือทางเข้าเป็น 4 ทาง คือ โซนแรก Ihlara Village อยู่ทางใต้ของหุบเขา โซนที่สองคือ Ohlara Valley Touristic Installations โซนสามคือ Belisirma อยู่ห่างจาก Ihlara village ไปทางด้านตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร และ โซนสุดท้ายคือ Selime เป็นหมู่บ้านทางเหนือของหุบเขาอยู่่ห่างจากทิศใต้ไปประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านไร่องุ่นและต้นไม้นานาชนิด
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
|
คลิปวีดีโอ นั่งบอลลูนชมคัปปาโดเกีย |
|
|