พาโร-พาโรซอง-พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ-วัดคิชูลาคัง-พิชิตวัดตั๊กซัง-วัดตัมชู
ทิมพู-ทาชิโชซอง-เมมโมเรียลโชเต็น-วัดนันนารี-สวนสัตว์ทาคิน-วัดชันกังคา-โรงเรียนสอนศิลปะ-พิพิธภัณฑ์ผ้าทอ-ไปรษณีย์ภูฏาน-Buddha Point
ปูนาคา โดจูล่าพาส 108 สถูป ปูนาคาซอง - Bajo Town
กรุ๊ป เดินทาง15 ท่าน ได้ชมโชว์พื้นเมืองภูฏาน ระบำพื้นเมือง
ทานภัตตาคารอาหารไทยที่ปาโรและทิมพู 2 มื้อ
เสริมอาหารไทยให้ทุกมื้อ มื้อละ 1-2 อย่างเป็นอย่างน้อย
ตารางเวลาบินสายการบิน ภูฏานแอร์ไลน์ |
วันเดินทาง |
เส้นทาง |
เที่ยวบิน |
เวลาออก |
เวลาถึง |
วันที่ 1 |
กรุงเทพฯ-ปาโร |
B3-701 |
06.30 |
10.10 |
วันที่ 5 |
ปาโร-กรุงเทพฯ |
B3-700 |
10.40 |
16.40 |
**เวลาบินของสายการบินมีการปรับเปลี่ยนตลอด ดังนั้นกรุณาสอบถามก่อนทำการจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศในกรณีที่ท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัดและแนะนำให้จองเที่ยวบินที่ห่างกันกับเที่ยวบินต่างประเทศอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเที่ยวบินล่าช้าค่ะ**
|
|
|
วันที่หนึ่ง |
กรุงเทพฯ พาโร ทิมพู |
04.00 น. |
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 ประตูทางเข้าที่ 05เคาน์เตอร์K สายการบินภูฏานแอร์ไลน์ (Bhutan Airlines) |
06.30 น. |
ออกเดินทางสู่ภูฏาน โดยสายการบินภูฏานแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3 701 |
10.10 น. |
(เวลาท้องถิ่นภูฏาน ช้ากว่าเวลาประเทศไทย 1 ช.ม.)
ถึง สนามบินพาโร (Paro) เมืองหน้าด่านในหุบเขาแสนสวย ที่มีภูมิประเทศเหมาะที่สุดในการก่อสร้างสนามบินของภูฏาน เพลินชมอาคารที่พักผู้โดยสาร ซึ่งออกแบบก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม อันมีเอกลักษณ์ทางศิลปที่น่าทึ่ง ด้วยการใช้วัสดุเป็นเครื่องไม้ เข้าสลักเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องใช้ตะปู ประดับลวดลายด้วยสีสันของภาพจิตรกรรม และการแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง ส่วนที่เป็นหลังคาจะใช้การซ้อนแผ่นไม้ แล้วทับไว้ด้วยก้อนหินใหญ่เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงลมและหิมะตกผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำเดินทางด้วยรถมินิบัสเข้าสู่ดินแดนสุขาวดีบนเทือกเขาหิมาลัย |
กลางวัน |
รับประทานอาหารกลางวัน ณ โรงแรม Olathang |
บ่าย |
หลังอาหารนำเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมืองพาโร (Paro National Museum) ซึ่งกษัตริย์ จิกมี่ ดอร์จิ วังชุก รัชกาลที่ 3 ผู้เป็นบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่ ได้รวบรวมศิลปวัตถุเก็บไว้ใน ป้อมกลมหอรบโบราณ หรือ ตาซอง (Ta Dzong) (ที่สร้างขึ้นตั้งแต่พ.ศ.2192 ร่วมสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา) พระองค์ได้จัดทำป้อมกลมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ใน พ.ศ.2511 ต่อมาได้เกิดแผ่นดินไหวที่ทำให้ป้อมโบราณเสียหาย จึงได้สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่ขึ้นมาแทนที่ ชมหน้ากากที่ใช้สวมแสดงในงานเทศกาลสำคัญจากทั่วประเทศ ชมงานพุทธศิลป์ของการทำผ้าพระบท (ตังกา) ภาพแผนภูมิศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธนิกายวัชรยาน (มันดาลา) เครื่องแต่งกาย สิ่งของเครื่องใช้ อาวุธ เครื่องดนตรี คัมภีร์ทางศาสนา ความรู้ทางชีววิทยาบนเทือกเขาหิมาลัย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชม พาโร ซอง ( Paro Dzong ) ที่สร้างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำพาชู เป็นสัญญลักษณ์สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของชาวภูฏาน ซองคืออาณาบริเวณที่ใช้เป็นป้อมปราการ พระราชวัง อารามหลวง หอบูชาพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ เป็นศูนย์ราชการ โรงเรียนสอนศาสนา สถานที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นลานเอนกประสงค์ ซึ่งในทุกเขตการปกครองจะมีซองประจำเขตของตนเอง การออกแบบซองทุกแห่งจะได้แนวคิดมาจากแผนภูมิของจักรวาลที่มีศูนย์กลางเป็นพุทธภูมิ ซึ่งเป็นความเชื่อของลัทธิตันตรยาน วัชรยานและมหายาน และพาโรซองแห่งนี้ก็ยังได้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์พุทธประวัติ เรื่องLittle Buddha เมื่อปีค.ศ.1991 ฉะนั้นการเข้าไปในซองทุกแห่งจะต้องแสดงการเคารพ ด้วยการแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ไม่เป็นชุดสั้น ไม่ใส่เสื้อยืดแขนสั้น ไม่กางร่ม และไม่สวมหมวก ส่วนชาวภูฏานทุกคนจะต้องสวมชุดประจำชาติ จากนั้นนำท่านเดินทางด้วยรถมินิบัส สู่ เมืองหลวงทิมพู (Thimphu) (ระยะทาง65 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ช.ม.) ผ่านชมทางหลวงแผ่นดินสายหลักของประเทศ เข้าสู่เขตช่องเขาตามแนวแม่น้ำพาชู แวะถ่ายรูป สำนักสงฆ์ตัมโช (Tamchoe Monastery) ที่มีสะพานแขวนทอดข้ามแม่น้ำซึ่งสร้างโดยพระโยคีลามะ ในศตวรรษที่15 ชื่อThangtong Gyalpo ที่ เดินทางมาจากทิเบตเพื่อต้องการมาหาแร่เหล็ก และท่านได้คิดค้นการทำโซ่เหล็กเป็นครั้งแรก (มีจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์พาโร) นำเดินทางต่อไปผ่านชมเจดีย์สามองค์ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นเจดีย์แบบทิเบต ภูฏาน และเนปาลที่จุดบรรจบของแม่น้ำพาชูกับแม่น้ำทิมพูชู ที่บริเวณด่านชูซอม (Chuzom) เดินทางต่อท่ามกลางทิวทัศน์แสนสวยแปลกตาสู่ นครหลวงทิมพู ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,350 เมตร (ดอยอินทนนท์ 2,565 เมตร เมืองมรดกโลกลี่เจียง 2,200 เมตร จงเตี้ยน(แชงกรีลล่า) 3,300 เมตร) นำชมจุดชมวิวบนเขาเหนือเมืองทิมพู ชม ลุงตะ หรือ ธงมนต์ที่พลิ้วไสวตามลมเหนือลำน้ำทิมพู และทิมพู ซอง(Thimphu Dzong) ที่เป็นทั้งพระราชวัง ทำเนียบรัฐบาล และตำหนักพระสังฆราชแห่งนิกายนิงมาปาของภูฏาน แล้วนำเดินทางไปชม สวนสัตว์พื้นเมือง ชมตัว ทาคิน สัตว์ประจำชาติของภูฏาน (National Animal of Bhutan) เป็นสัตว์บนภูเขาสูง ที่มีลักษณะผสมระหว่าง แพะกับวัว ที่มีถิ่นอาศัยอยู่โดยเฉพาะในภูฏานและบางส่วนของมณฑลเสฉวนของจีนเท่านั้น หลังจากนั้นนำเข้าชมภายใน ทิมพู ซอง Thimpu Dzong หรือมีชื่อเป็นทางการว่า ตาชิโช ซอง(Tashicho Dzong) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่ตั้งของสำนักพระราชวัง และทำเนียบรัฐบาล มีห้องทำงานมาก กว่า 100 ห้อง ในส่วนของมหาอารามนั้นจะมีตำหนักที่ประทับฤดูร้อนของสมเด็จพระสังฆราช ในส่วนของซองแห่งนี้จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ได้เฉพาะในส่วนของบริเวณวัด ซึ่งที่ในโบสถ์มีพระประธานเป็นพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี พระโพธิสัตว์ ท่านคุรุปัทมสัมภวะ และท่านซับดรุง งาวัง นัมเกลซึ่งเป็นผู้รวบรวมชนเผ่าจนเกิดเป็นประเทศภูฏาน ชมการตกแต่งภาพจิตรกรรมผาผนัง และผ้าพระบทที่เล่าเรื่องราวในพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องราวของการแสดงบารมีในปางต่างๆของ พระปัทมสัมภวะ หรือ พระปทุมสมภพ (แปลว่า ผู้กำเนิดจากดอกบัว) เป็นภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้าตามแนวคิดของนิกายมหายาน |
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารสุโขทัย |
ที่พัก |
HOTEL PHUNTSHOPELRI หรือเทียบเท่า |
|
|
วันที่สอง |
เมืองทิมพู - เมืองปูนาคา |
เช้า |
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังอาหารนำท่านชมแวะชมวิวบนเนินเขา Kuenselphodrang เหนือตัวเมืองในจุดที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดในประเทศภูฏาน พร้อมนมัสการพระพุทธรูปหล่อสัมริดประทับนั่งกลางแจ้ง ( Big Buddha) สูง51.50เมตรองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการรวมพลังของชาวพุทธจากทั่วโลก โดยได้ต้นแบบมาจากพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในสถูปพุทธคยา ประเทศอินเดีย จากนั้นออกเดินทางเข้าสู่เขตเทือกเขาสูงที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าสนกึ่งป่าดงดิบ จนถึงช่องเขา โดชูลาพาส ( Dochula Pass) หรือช่องเขาศิลาที่มีระดับความสูง 3,145 เมตร ซึ่งมีกลุ่มสถูป ดรุค วังเกล (Druk Wangyel Chorten) หรือสถูปแห่งความเป็นสิริมงคลและ สันติสุขของแผ่นดิน 108 องค์ ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระราชินี อะชิ ดอร์จิ วังโม วังซุก (ร.4) เพื่อ ถวายพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์108องค์ และเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความสงบสุขที่เกิดขึ้นหลังจากการปราบกบฏอัสสัมที่เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศภูฏานในการต่อสู้กับรัฐบาลอินเดีย ขอเชิญทุกท่านแวะชิมชา กาแฟและขนมว่างท่ามกลางบรรยากาศแสนสวยสุดแสนโรแมนติค ณ จุดชมวิวบนเขา ซึ่งในวันที่อากาศสดใสจะมองเห็นยอดเขาโต๊ะที่มียอดแบนราบเหมือนโต๊ะและยอดเขาอื่นๆบนเทือกเขาหิมาลัย ที่สูงกว่า 7,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากนั้นนำเดินทางข้ามภูเขาที่สูงเหนือม่านเมฆ สัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า ชมวิวบนเทือกเขาและเพลินชมหมู่บ้านกลางหุบเขาที่มีการทำนาแบบขั้นบันได |
กลางวัน |
รับประทานอาหารกลางวัน ที่Chimi Cafe ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาและสายน้ำลำธาร
นำเดินเท้าผ่านหมู่บ้านโลเบซ่า(Lobesa) ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ตกแต่งผนังอาคารบ้านเรือนด้วยรูปอวัยวะเพศชายตามความเชื่อเรื่องสิริมงคลแห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้ายและพลังของการให้กำเนิดชีวิต เพลิดเพลินชมท้องทุ่งนากลางหุบเขา แล้วนำเข้าสู่ วัดชิมิ (Chimi Lhakhang) หรือวัดแห่งการเกิด ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยท่าน Drukpa Kuenley นักบวชลามะผู้ที่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์พลังลึกลับและอิทธิปาฏิหาริย์ ท่านได้สะกดวิญญาณนางปีศาจร้ายที่แฝงตัวมาในรูปของสุนัขสีแดงเอาไว้ใต้เจดีย์ด้วยเครื่องมือที่เป็นรูปอวัยวะเพศชาย ทำให้วัดแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า No Dog Temple และยังได้เนรมิตรแพะผสมวัวให้กลายเป็นตัวทาคินอีกด้วย ชาวภูฏานจึงนิยมมาขอพรเพื่อเพิ่มพลังให้ชีวิตและการขอบุตรกันที่วัด ชิมิลาคัง ซึ่งในโบสถ์จะมีรูปบูชาของท่าน และจะมีพระลามะทำพิธีให้พรด้วยการใช้เครื่องหมายเพศชายและคันธนูเคาะเบาๆที่ศีรษะ จากนั้นจะรินน้ำมนต์ ซึ่งตามธรรมเนียมเราต้องใช้ฝ่ามือทั้งสองรับน้ำมนต์มาแตะที่ริมฝีปากก่อนที่จะนำไปลูบที่ศรีษะ
***(ท่านที่มีความประสงค์จะเดินไปนมัสการและขอพรที่วัด ชิมิ จะมีไกด์พาไปถึงที่วัด ใช้เวลาเดินถึงวัดประมาณ 30นาที)
จากนั้นนำเดินทางโดยรถมินิบัสเลาะเลียบแม่น้ำPuna Tsang Chhu เข้าสู่เมืองหลวงเก่า ปูนาคา (Punakha) ที่มีภูมิประเทศสูงจากระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร และมีอากาศที่อบอุ่นกว่าเมืองทิมพู ด้วยเหตุนี้กษัตริย์ภูฏานและ สมเด็จพระสังฆราชจะทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาปูนาคาในฤดูหนาว (เดือน พ.ย.- เม.ย.) ปูนาคาจึงเปรียบเสมือน เมืองหลวงฤดูหนาว (Winter Capital) ในขณะที่ทิมพูเป็น เมืองหลวงฤดูร้อน (Summer Capital)และเป็นเมืองหลวงทางราชการ นำท่านเข้าชม ปูนาคา ซอง (Punakha Dzong) ซึ่งเป็นซองขนาดใหญ่ และสำคัญที่สุด เป็นสถานที่เก็บ พระอัฐิ ของท่านธรรมราชาซับดรุง งาวัง นัมเกล ผู้รวมชาติภูฏาน และ ยังเป็นสถานที่ ซึ่งพระเจ้าอุกเยน วังชุก กษัตริย์พระองค์แรก ได้กระทำพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งภูฏาน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2450 ( ต่อมาจึงกำหนดให้ทุกวันที่ 17 ธ.ค. เป็นวันชาติภูฏาน ) ภายในซองแห่งนี้มีพระตำหนักและท้องพระโรงซึ่งใช้เป็นสถานประกอบพระราชพิธีต่างๆ ยังมีศาลาว่าการเมือง ลานสนามหลวง มหาธาตุเจดีย์ หอพระ โบสถ์ วิหาร กุฏิพระลามะ ที่สร้างขึ้นในซองนี้ถึง 21 แห่ง มีภิกษุสามเณรจำพรรษากว่า 6,000 รูป แม้จะเคยเกิดไฟไหม้ถึง 6 ครั้ง เกิดน้ำท่วม และแผ่นดินไหว แต่ปูนาคา ซอง ก็ยังคงความงามสง่า ปูนาคา ซอง มีตำนานเป็นพุทธทำนายโดย คุรุริมโปเช หรือท่าน คุรุปัทมสัมภวะว่า ณ ที่แห่งนี้ จะมีบุรุษนาม นัมเกล มาสร้างป้อมปราการเป็นสังฆมณฑล(ซอง) ขึ้นที่บริเวณด้านหน้าภูเขารูปงวงช้างที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ซึ่งคำทำนายนั้นได้กลายเป็นความจริง เมื่อท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล พระลามะผู้ที่ได้นำพระบรมสารีริกธาตุจากทิเบตเข้ามาประดิษฐานในภูฏาน และได้สร้าง เซอรี่ดอร์จีซองและซิมโทกา ซองในบริเวณช่องเขาเมืองทิมพู เพื่อใช้เป็นสำนักเพื่อการประกาศศาสนา ในปีพ.ศ.2163และพ.ศ.2172ตามลำดับ หลังจากนั้นจึงมาสร้างปูนาคา ซองขึ้นในปีพ.ศ.2182 ณ จุดบรรจบลำน้ำโม (โม=ผู้หญิง) กับลำน้ำ โป (โป=ชาย)ที่รวมกันเป็นแม่น้ำ ปูนาซัง ซึ่งในบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งสำนักของนักบวชโยคีมาก่อน ท่านได้รับแรงศรัทธาอย่างมากมาย จึงได้รับยกย่องให้เป็น ซับดรุง หมายถึง ผู้พิชิตที่ศัตรูจะต้องสยบแทบเท้าจากนั้นก็ได้สร้าง ตาชิโช ซอง ที่ทิมพูอีกหนึ่งแห่งในปีพ.ศ.2184 แล้วก็ได้ประกาศการเป็นพระสังฆธรรมราชาเพื่อการเผยแผ่ศาสนานิกายนิงมาปาหรือดรุ๊กปาและได้รวมชาติของชนเผ่าต่างๆจนเกิดเป็นราชอาณาจักรภูฏานในเวลาต่อมา |
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ของโรงแรม |
ที่พัก |
โรงแรม The Vara Hotel หรือเทียบเท่า |
|
|
วันที่สาม |
ปูนาคา ทิมพู |
เช้า |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
|
นำท่านเดินทางข้ามเทือกเขาสูงที่มีทิวทัศน์สวยงาม กลับสู่เมืองหลวงทิมพู แวะพักผ่อนอิริยาบท ดื่ม ชา กาแฟ ชมวิวเทือกเขาหิมาลัย สูดอากาศบริสุทธิ์ ฟังเสียงธงมนต์สะบัดตามแรงลม และสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาบนยอดเขาตามความเชื่อของชาวภูฏาน ที่โดชูลาพาส (Dochula Pass) จากนั้นเดินทางผ่านช่องเขาเข้าสู่ ทิมพู แวะชมซิมโทกาซอง(Simtokha Dzong)ซึ่งเป็นซองที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศ สร้างขึ้นในสมัยรวมชาติ ใช้เป็นโรงเรียนสอนภาษาซองคาซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ และใช้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับสามเณรลามะ ขอเชิญชมความเก่าแก่ของวัด สักการะพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ภายในโบสถ์้ |
เที่ยง |
รับประทานอาหารอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารสุโขทัย |
บ่าย |
ทางบริษัทได้จัดเตรียมชุด คีรา และ โค ชุดประจำชาติของภูฏาน ให้ท่านได้สวมใส่เที่ยวในเมืองทิมพู หากมีเวลาเพียงพอนำท่าน นำชม อนุสรณ์สถาน Memorial Chorten หรือมหาสถูปที่พระเจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก กษัตริย์องค์ที่3 หรือพระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่ (King of Modernization)ที่ปกครองภูฏาน ในช่วงปีค.ศ.1952 1972 ทรงมีพระประสงค์จะสร้างสถูปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจาและใจ ของพระพุทธศาสนา แต่ท่านได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน สมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ (หากรายการทัวร์ไม่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ จะนำชมและเลือกซื้อแสตมป์ที่ระลึก ที่ ไปรษณีย์ทิมพู หากตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ จะนำท่านชม ตลาดนัดพื้นเมือง Weekend Market)
จากนั้นเชิญท่านร่วมทำบุญในแบบภูฏานพร้อมทั้งรับศีลรับพรจากพระสงฆ์ระดับรินโปเช ซึ่งเชื่อว่ามีการกลับชาติมาเกิดหลายครั้งเพื่อปฏิบัติพุทธบารมี |
พิเศษ |
นำชมนาฏศิลป์ภูฏานในชุดระบำหน้ากากที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และ ชมการเต้นรำพื้นเมืองของชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศ |
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ของโรงแรม |
ที่พัก |
แล้วนำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม Hotel Phunshopelli หรือเทียบเท่า |
|
|
วันที่สี่ |
ทิมพู - พาโร |
เช้า |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเช้านำนั่งรถมินิบัสเข้าสู่เส้นทางหลวงเลาะเลียบแม่น้ำ ทิมพูชู สู่เมืองพาโร เข้าสู่บริเวณเชิงเขา จากนั้นนำเดินเท้า(หรือขี่ม้า)ขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งแบ่งการเดินออกเป็น2ช่วง ใช้เวลาช่วงละประมาณ 2 ชั่วโมง ที่ระดับความสูงเฉลี่ย2,000-3,000เมตร ในเส้นทางแสวงบุญของชาวพุทธมหายาน ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ขอเชิญแวะพักเหนื่อยชมภาพมหัศจรรย์ของวัดตั๊กซังที่เกาะเกี่ยวอยู่บนหน้าผาสูง ดื่มชากาแฟที่จุดชมวิวTaktshang Cafeในช่วงที่1 (เป็นจุดที่ตั้งภัตตาคารอาหารกลางวัน) จากนั้นท่านที่ยังมีพลังศรัทธาแรงกล้าจะร่วมกันเดินข้ามเขาในช่วงที่สอง(เดินประมาณ2ช.ม.)เข้าสู่วัดตั๊กซัง(Taktshang Lhakhang) หรือวัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดถ้ำ13วัดที่สร้างเกาะเกี่ยวกันอยู่บนหน้าผาที่ดูเหมือนวิมานสวรรค์ล่องลอยอยู่เหนือกลุ่มเมฆ นับเป็นวัดที่น่ามหัศจรรย์1ใน10ของโลก และมีความสำคัญที่สุดของชาวภูฏาน ซึ่งทุกคนจะต้องขึ้นไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต ....ตามตำนาน ที่เชื่อกันว่า ถ้ำเสื้อหรือรังเสือ(Tiger Nest)แห่งนี้คือสถานที่ๆ กูรู ริมโปเช หรือท่านปัทมสัมภวะ ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งคำสอนแบบ วัชรญานตันตระที่เดินทางโปรดสัตว์มาจากทิเบต ได้ขี่นางเสือ(หมายถึงศัก-ติ หรือพลังปัญญาจากเพศหญิงที่แปลงสภาพเป็นนางเสือ) ขึ้นไปสร้างสมบุญบารมีนั่งวิปัสสนากรรมฐานบำเพ็ญสมาธิภาวนาอยู่ในถ้ำนานถึง3เดือน ก่อนที่ท่านจะได้ประกาศคำสอนสู่สานุศิษย์เพื่อเผยแผ่พระศาสนาสู่ดินแดนพุทธภูมิภูฏาน ในพุทธศตวรรษที่12
การเดินขึ้นไปถึงวัดตั้กซัง ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ อากาศบนที่สูงเบาบางซึ่งอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย ท่านที่ต้องการสละสิทธิ์กรุณาแจ้งล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมการดูแล |
เที่ยง |
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย |
นำท่านเดินทางสู่ วัดคิชู (Kichu Temple) อายุ1,300 ปี วัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน ที่ตามประวัติว่าสร้าง ตั้งแต่สมัยที่ภูฏานยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของทิเบต ซึ่งกษัตริย์ซองเซนกัมโป ที่ชาวทิเบตยกย่องว่า เป็นผู้อัญเชิญศาสนาพุทธสายวัชรยานตันตระมาประดิษฐานในทิเบต และโปรดให้สร้างวัดขึ้น 108 แห่ง เพื่อตอกหมุดสะกดอวัยวะ 108 จุดของยักษ์ตนหนึ่งซึ่งนอนแผ่ขวางกั้นการประกาศพระธรรมจักรบนเทีอกเขาหิมาลัย โดยที่พระองค์ทรงมุ่งหมายที่จะให้สัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเผยแผ่ไปทั่วดินแดนแห่งนี้ จุดที่สร้างวัดคิชูที่เมืองพาโรเป็นเท้าซ้ายของยักษ์ (อีกวัดหนึ่งในภูฏานอยู่ที่เมืองบุมทัง วัดจัมเบ สร้างตรงเข่าซ้ายของยักษ์) นำเข้าชมวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกษัตริย์ ซองเซน กัมโป ซึ่งตรงบริเวณพื้นไม้เบื้องหน้าพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี มีร่องรอยบุ๋มลึกอย่างชัดเจน เนื่องจากมีผู้แสวงบุญจำนวนมากมายืนก้มลงกราบพระแบบ อัษฎางคประดิษฐ์ (ร่างกายแตะพื้น 8 จุด) ซ้ำ ๆ กันเป็นเวลานานนับพันปี ขอเชิญชมต้นสนไซเปรสไม้ประจำชาติต้นเก่าแก่ที่หน้าวัด เพลิดเพลินชมวิวกว้างไกลของเทือกเขาหิมาลัย มองเห็นยอดเขาจูโมฮารี สูงที่สุดในภูฏาน 7,340เมตร ( จูโมฮารีจะเห็นได้เมื่ออากาศสดใสในฤดูหนาว ) |
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ของโรงแรม |
ที่พัก |
โรงแรม Hotel Olathang หรือ Tashi Namgey Resort and Spa - Paro หรือเทียบเท่า |
|
|
วันที่ห้า |
พาโร - กรุงเทพฯ |
เช้า |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัย หรือนำชม วัดดุงเช (Dungtse Lhakhang) หรือ วัดวิหารมืด ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งดั้งเดิมของสำนักโยคีThangtong Gyalpo ผู้ค้นพบวิธีสร้างสะพานโซ่เมื่อ500ปี ขอเชิญชมภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาที่ยังคงความสวยงามสดใส ด้วยเทคนิคปูนเปียกภายในวิหารอายุกว่า 100 ปี ที่มีเสน่ห์ด้วยการจัดแสงสว่างเข้ามาทางช่องหน้าต่างเพียงเล็กน้อยจึงดูเหมือนเป็นวิหารมืด จากนั้นนำเดินทางสู่สนามบินเมืองพาโร
|
10.40 น. |
ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ด้วยสายการบินภูฏานแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3 700 |
16.40 น. |
เดินทางกลับถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพฯ |
|
หมายเหตุ :
1.โปรแกรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและความปลอดภัย
2.มาเป็นกรุ๊ปตั้งแต่ 12 คนขึ้นไปมีหัวหน้าทัวร์เดินทางไปด้วย |
|
หมายเหตุ : วีซ่าภูฏานจะออกให้เมื่อได้ส่งหลักฐานการโอนเงินค่าทัวร์ 100 % ไปให้ที่ภูฏานแล้ว
กรุ๊ปเหมา 15 ท่านขึ้นไป มีหัวหน้าทัวร์ไทยเดินทางไปด้วย
|
|
หมายเหตุ :ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคา อันเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาตั๋วเครื่องบินหรือประกาศจากการท่องเที่ยวภูฎาน |
|
อัตราค่าบริการนี้รวม
- โรงแรมที่พัก 4 คืน พร้อมอาหารเช้า ตามโปรแกรมท่องเที่ยวด้านบน
- อาหารทุกมื้อตามที่ระบุในโปรแกรม
- ไกด์ท้องถิ่น (พูดภาษาอังกฤษ)
- รถรับ-ส่งสนามบิน และตลอดการเดินทางตามโปรแกรมด้านบน
- รายการท่องเที่ยวตามโปรแกรมด้านบน
- ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
- น้ำดื่มวันละ 3 ขวดต่อ 1 ท่าน
- ค่าวีซ่าภูฏานและค่าภาษีท่องเที่ยวรัฐบาลภูฏาน
- ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดและภาษีสนามบินภูฏาน (สายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ หรือ ดรุ๊กแอร์)
- ประกันภัยการเดินทาง
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากที่ระบุในโปรแกรมด้านบน
- ทิปไกด์และคนขับรถ
- ทิปหัวหน้าทัวร์
เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน ก่อนวันเดินทางกลับ ให้ทำการ scan passport สี และส่งไฟล์มาให้ทาง email : tripdeedee@gmail.com
- ผู้จัดจะดำเนินการเรื่องการขอวีซ่าแทนท่าน โดยท่านไม่สามารถขอวีซ่าเองที่สถานฑูต
- รัฐบาลภูฏานจะทำวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อได้รับการชำระค่าทัวร์ 100% แล้วเท่านั้น
- ค่าวีซ่าได้รวมอยู่ในค่าทัวร์แล้ว และท่านจะได้รับตราประทับวีซ่าเมื่อไปถึงสนามบินพาโร หรือ Phuentsholing (หากเดินทางทางรถยนต์)
- ยอดชำระเต็มต้องถูกส่งไปให้ทางภูฏานล่วงหน้าอย่างน้อย 3 อาทิตย์ก่อนวันเดินทาง และ 8 อาทิตย์ก่อนวันเดินทางในช่วงเทศกาล เพราะนักท่องเที่ยวมากเดินทางมาจากทั่วโลก
การสำรองที่นั่ง
-
ทางบริษัทฯ ขอเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินจำนวน 20,000.- บาท ต่อผู้โดยสารหนึ่งท่าน
-
ส่วนที่เหลือชำระก่อนการ เดินทางอย่างน้อย 30 วัน มิฉะนั้นทางบริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่ามัดจำทั้งหมด
**พร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่เบอร์แฟ็กซ์ 02-175-3251 (อัตโนมัติ) ระบุชื่อทริป วันเดินทาง ผู้เดินทาง เพื่อจะได้ออกใบเสร็จให้ต่อไปค่ะ**
1. ธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัส รามอินทรา 109 ชื่อบัญชี น.ส.กนกวรรณ โพธิ์นอก
เลขที่บัญชีออมทรัพย์ 651-2-10610-0
2. ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยถนนนวมินทร์ 161(สหฟาร์ม) ชื่อบัญชี น.ส.กนกวรรณ โพธิ์นอก
เลขที่บัญชีออมทรัพย์ 575-0-05089-0
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนวิทยุ ชื่อบัญชี น.ส.กนกวรรณ โพธิ์นอก เลขที่บัญชีออมทรัพย์ 049-424294-7
4. ธนาคารกรุงเทพ สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ ชื่อบัญชี น.ส.กนกวรรณ โพธิ์นอก เลขที่บัญชีออมทรัพย์ 865-0-27019-5
แจ้งชื่อ นามสกุล / ส่งหน้า passport มาให้ ทาง Fax 02-175-3251 หรือ email : tripdeedee@gmail.com
เงื่อนไขการให้บริการ
- กรุณาจองล่วงหน้าอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และล่วงหน้า 8 สัปดาห์ในช่วงเทศกาล ก่อนการเดินทาง พร้อมชำระยอดเต็มล่วงหน้าอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เนื่องจากรัฐบาลภูฏานจะออกวีซ่าให้ก็ต่อเมื่อชำระยอดทั้งหมดแล้ว
- 2.เงื่อนไขการยกเลิก
- ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 30 วัน เก็บค่าเสียหาย ท่านละ 20%ของราคาทัวร์
- ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 21 วัน เก็บค่าเสียหาย 30% ของราคาทัวร์
- ยกเลิกก่อนการเดินทางภายใน 7 วัน เก็บค่าเสียหาย 50% ของราคาทัวร์
- ยกเลิกวันเดินทาง เก็บค่าเสียหาย 100% ของราคาทัวร์
- เมื่อท่านออกเดินทางไปกับคณะแล้ว ท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง หรือไม่เดินทางพร้อมคณะถือว่าท่านสละสิทธิ์ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
- กรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่ กรุงเทพฯ และในต่างประเทศปฎิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศที่ระบุในรายการเดินทาง ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
หมายเหตุ
- ของเหลว เจล และเสปรย์ ทุกชนิด กรุณานำใส่กระเป๋าสัมภาระ กรณีที่จะนำติดตัวไปให้บรรจุใส่ถุงพลาสติกใสเปิด-ปิดผนึกได้ ไม่เกิน 1 ถุง ปริมาณที่ระบุไว้บนภาชนะที่ใส่ชิ้นละไม่เกิน 100ml/g รวมไม่เกิน 1,000ml/g
- สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระโหลดขึ้นเครื่องได้ด้วยน้ำหนักไม่เกิน 20kg.
สายการบินดรุกแอร์ อนุญาติให้นำสัมภาระติดตัวขึ้นไปยังห้องผู้โดยสารบนเครื่องบินได้อีกคนละ 1ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5kg และขนาดไม่เกิน 45cmx30cmx20cm
อุณหภูมิโดยเฉลี่ย
|
มกราคม |
กุมภาพันธ์ |
มีนาคม |
เมษายน |
พฤษภาคม |
เมือง |
สูงสุด |
ต่ำสุด |
สูงสุด |
ต่ำสุด |
สูงสุด |
ต่ำสุด |
สูงสุด |
ต่ำสุด |
สูงสุด |
ต่ำสุด |
พาโร |
9.4C |
-5.8C |
13.4C |
1.5C |
14.5C |
0.6C |
17.6C |
4.6C |
23.5C |
10.6C |
ทิมพู |
12.3C |
-2.6C |
14.4C |
0.6C |
16.4C |
3.9C |
20.0C |
7.1C |
22.5C |
13.1C |
พูนาคา |
16.1C |
4.2C |
19.6C |
5.3C |
21.1C |
9.2C |
24.4C |
11.2C |
27.2C |
14.8C |
วังดี |
17.0C |
4.3C |
19.0C |
7.8C |
22.8C |
10.4C |
26.2C |
12.9C |
29.1C |
17.7C |
|